WHAUPโชว์งบไตรมาส1/2564กำไรโต200%
WHAUPโชว์งบไตรมาส1/2564กำไรโต200%
WHAUPโชว์งบไตรมาส1/2564กำไรโต200%
ธุรกิจน้ำ/โซลาร์รุ่ง!-เล็ง!ลงทุนซื้อกิจการเพิ่ม
บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส1 ปี 2564 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 782 ล้านบาท กำไรสุทธิ 131 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 189 ล้านบาท
โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมส่งซิกเล็งหาโอกาสลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) เสริมศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ต่อยอดก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค
บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (WHAUP) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติจำนวน 782 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากปริมาณยอดขายและบริหารจัดการน้ำทั้งในและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้น และการรับรู้รายได้จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติม
และส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Income)
ซึ่งไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมีจำนวน 189 ล้านบาท ลดลง 15% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงไฟฟ้า Gheco-One ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส1 ปี 2564 ในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคนั้นมีการเติบโตอย่างโดดเด่น
เนื่องจากบริษัทมีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศ และต่างประเทศรวมกันเท่ากับ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขี้น 12 % เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
โดยสาเหตุหลักที่มีความต้องการใช้น้ำสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง และมาตรการ lockdown จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19ดังกล่าว
ทำให้ปริมาณการใช้น้ำของกลุ่มอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการปกติอย่างต่อเนื่อง กอปรกับมีความต้องการใช้น้ำจากลูกค้ารายใหม่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นต้นมา
นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) ได้แก่ น้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) น้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) และการนำน้ำเสียมาบำบัดและใช้ใหม่ (Wastewater Reclamation) อย่างต่อเนื่อง
โดยโครงการ Reclamation Plant ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาด 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา
ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทสามารถนำน้ำที่ได้จากกระบวนการบำบัดดังกล่าวไปผลิตเป็น Demineralized Water และ Premium Clarified Water สำหรับจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าแล้ว
โครงการดังกล่าวยังเป็นต้นแบบของการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งด้านการบริหารจัดการต้นทุนการจัดหาน้ำของบริษัทฯ รวมถึงการลดการพึ่งพิงน้ำดิบจากแหล่งน้ำอื่นอีกด้วย
ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) จำนวน 1 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 203% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการคว้างานโครงการโซลาร์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มมากขึ้น
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1ปี 2564 บริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเท่ากับ 61 เมกะวัตต์ และสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปแล้วกว่า 594 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ที่ 300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
โดยในไตรมาสแรกบริษัทมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งสิ้น 122 ล้านบาท เติบโต 1,668% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยล่าสุดบริษัทก็อยู่ระหว่างการขออนุญาตเปิดใช้งานระบบซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (P2P Energy Trading Platform) ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป
ควบคู่ไปกับการเตรียมติดตั้งเพื่อทดสอบระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) บนโรงกรองน้ำของบริษัท ซึ่งจากแผนการต่อยอดทางธุรกิจดังกล่าว นอกจากเป็นการตอกย้ำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของทีมงานแล้ว
ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทในการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างครบวงจร ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ เพื่อนำเสนอให้แก่ลูกค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าประเภท conventional ว่า ช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นระยะเวลา 37 วันของโรงไฟฟ้า Gheco-One ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทำให้โรงไฟฟ้าได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่ายจาก EGAT ลดลง ส่งผลให้บริษัทต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุนในโรงไฟฟ้า Gheco-One ในไตรมาสที่ผ่านมานี้
อย่างไรก็ตามภายหลังการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จและกลับมาดำเนินการตามปกติ โรงไฟฟ้าจะได้รับรายได้ค่าความพร้อมจ่ายเพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดหายไปในช่วงการหยุดซ่อมบำรุงดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งกำไรจาก โรงไฟฟ้า Gheco-One ในช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัวดีขึ้น
ในขณะที่โรงไฟฟ้าอื่นๆ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 แห่ง และโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP และโรงไฟฟ้า CCE ในไตรมาสนี้เติบโต 35% และ 8% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่น ทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) ต่างๆ ในการเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค
13 พฤษภาคม 2564
ผู้ชม 229 ครั้ง