KUN ชี้!มาตรการรัฐหนุนQ1 ยอดขายโต 37%
KUN ชี้!มาตรการรัฐหนุนQ1 ยอดขายโต 37%
KUN ชี้!มาตรการรัฐหนุนQ1 ยอดขายโต 37%
โฟกัส!Pre-approveแก้เกมแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง!
บมจ. วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN กวาดยอดขายไตรมาส 1/64 แล้ว 350 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีแตะ 1,500 ล้านบาท หลังความต้องการสินค้า “Affordable” จากกลุ่มเรียลดีมานด์พุ่ง
ขณะที่มาตรการรัฐ ทั้งการกระตุ้นดีมานด์-การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-การปรับขยายเวลาลดค่าโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการปรับเกณฑ์ LTV ใหม่ หนุนตัดสินใจซื้อต่อเนื่อง จ่อพัฒนาโครงการอสังหาฯทิศที่3 (ทิศใต้ เขตปริมณฑล) ลุย!เปิดขายปี 65 นี้
นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ KUN เปิดเผยว่า ยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/2564 เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกเติบโต
มาจากความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทโครงการแนวราบในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable) ยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Real Demand (ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง) ระดับราคา 2-5 ล้านบาท
ซึ่ง KUN เป็นบริษัทพัฒนาหมู่บ้านจัดสรรในเขตปริมณฑลที่ชำนาญในสินค้าประเภทนี้เป็นหลักและเน้นการขายให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้มาโดยตลอด ดังนั้น จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกบริษัทมียอดขาย (Presale) แล้วกว่า 348.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 254.58 ล้านบาท
ส่วนมาตรการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (infrastructure) ของประเทศ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบ และส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ได้บ้าง
และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการปรับขยายระยะเวลาลดค่าโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ สำหรับบ้านและห้องชุดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต โดยกลุ่มนี้ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
หรือแม้แต่การปรับเกณฑ์อัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาบ้าน (LTV) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่แล้ว เพียงแต่การปรับเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินในช่วงนี้ให้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการจูงใจให้คนที่อยากมีบ้าน ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
“ในช่วงไตรมาส 1/2564 แม้จะมีมาตรการต่างๆ ของทางภาครัฐสนับสนุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและน่ากังวลคือยอดการปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก บริษัทมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญกับยอดปฏิเสธสินเชื่อดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทได้มีการทำ Pre-approve (ตรวจสอบความสามารถของลูกค้า) ก่อนทำสัญญาจอง และเนื่องจากบ้านที่ขายในปัจจุบันนั้นเป็นบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ดังนั้นจึงมีเวลาให้กับทางลูกค้าได้ผ่อนชำระเงินดาวน์และเตรียมการวางแผนเรื่องการยื่นกู้รวมถึงคอยเป็นที่ปรึกษาดูแลข้อมูลทางด้านการเงินให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องจนถึงระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์” นางประวีรัตน์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
จากยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงไตรมาส1/2564 ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่าประมาณ 360 ล้านบาท จาก 4 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการขาย
ประกอบด้วย โซนนนทบุรี 3 โครงการคือ 1.โครงการ คุณาลัย จอย 2. โครงการ คุณาลัย พรีม 3.โครงการ คุณาลัย บีกินส์ 2 และโซนฉะเชิงเทรา 1 โครงการคือ โครงการ คุณาลัย จอย ออน 314 ซึ่ง Backlog ดังกล่าวจะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 2-3/2564ทั้งหมด
ขณะเดียวกันในช่วงไตรมาส 2/2564 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโครงการที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทในช่วงปลายปี 2564
คือโครงการ คุณาลัย พาร์โก้ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาทต่อยูนิต รวมจำนวน 96 ยูนิต ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับโครงการดังกล่าวจะพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ที่อยู่อาศัยรวมกัน 3 เจเนอเรชั่น (Gen) ในบ้านหลังเดียว และลูกค้าที่ต้องการบ้านที่ให้เนื้อที่รอบบ้านและพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดี เนื่องจากเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากสินค้าขายดีของบริษัทที่เพิ่งปิดโครงการไปแล้ว
ส่วนแผนการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในทิศที่ 3 ล่าสุดมีความชัดเจนในการลงทุนมากขึ้น โดยจะลงทุนในทิศใต้ของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการต่างๆ
เบื้องต้นคาดว่าสามารถเปิดขายโครงการได้ในช่วงไตรมาส 4/2564 หรือไตรมาส 1/2565 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในโครงการที่จะสร้างรายได้ในปี 2565
ทั้งนี้การขยายการลงทุนไปยังทิศใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับแผน Roadmap ของบริษัทในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแนวทาง “สุขใจอยู่บ้านชานเมือง” ให้ครบ 4 ทิศรอบกรุงเทพมหานคร คือทิศเหนือ, ทิศใต้, ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก
ตามนโยบายและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เพื่อจะผลักดันให้ KUN ก้าวสู่การเป็น “ผู้นำอันดับหนึ่งด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบเพื่อขายในเขตปริมณฑล” ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่โครงการเดิมที่มีการพัฒนาอยู่แล้ว 2 ทิศรอบกรุงเทพฯ
ได้แก่ ทิศตะวันตกของกรุงเทพฯ คือในโซนพื้นที่บางบัวทอง และทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ คือในโซนจังหวัดฉะเชิงเทรา ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
อย่างไรก็ตามบริษัทฯมั่นใจภาพรวมผลประกอบการในปี 2564 จะเป็นอีกปีที่ดีของ KUN เนื่องจากบริษัทมีความพร้อม และความหลากหลาย ทางด้านสินค้าและยังมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
รวมถึงบริษัทมีกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นจำนวนมากที่ช่วยแนะนำบอกต่อเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญ โดยปี 2564นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 1,410 ล้านบาท ขณะที่รายได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโต 10-15 % เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 799.64 ล้านบาท
21 เมษายน 2564
ผู้ชม 612 ครั้ง