สถิติ

71820770

"ไซยะบุรี" แผลงฤทธิ์! CKP กำไรแรง! 831.3 ลบ. 

   "ไซยะบุรี" แผลงฤทธิ์! CKP กำไรแรง! 831.3 ลบ. 

   เล็ง!ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิฯ4,000ลบ.รับลูกดีลใหม่

                                    

   CKP  โชว์กำไรไตรมาส 3 ปี 63พุ่งแรง!แตะ 831.3 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรเพียง 33.3 ล้านบาท  คาด Q4 รายได้ยังไปได้สวย

   กางแผนออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทปลายเดือนพ.ย.นี้ รับแผนโครงการใหม่ ขณะที่ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A คงที่” ชี้สะท้อนผลงานเด่นด้านการพัฒนาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และกระแสเงินสดรับตามคาด

   นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด  (มหาชน) (CKPower) ชื่อย่อหลักทรัพย์ “CKP” เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ของบริษัทและบริษัทในเครือ พลิกกำไรตามคาด หลังจากที่ไตรมาส 2/2563 รายได้ลดลงจากปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้าลดลงเพราะเป็นช่วงฤดูแล้ง

   โดยในไตรมาส 3 มีรายได้รวม 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,001.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.5  และคิดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของ CKPower จำนวน 831.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 798 ล้านบาท

   ทั้งนี้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2563 มาจาก น้ำงึม 2 มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการขายไฟฟ้า 405.2 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562

   ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้าได้ 299.3 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 105.9 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4 ส่วนปริมาณน้ำที่ไหลเข้าโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 เพิ่มจาก 2,220 ล้านลบ.ม. ในปี 2562 เป็น 2,386 ล้านลบ.ม. ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5

   ในส่วนของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2563 มาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่มีการดำเนินงานเต็มไตรมาส ทำให้มีปริมาณการขายไฟฟ้ารวม 2,314 ล้านหน่วย คิดเป็นรายได้ 4,483 ล้านบาท

   โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 4,200 ล้านลบ.ม. ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 2,994 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อนประมาณร้อยละ 40

   ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่ 1 (BIC-1) และ 2 (BIC-2) ยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ เนื่องจากยังไม่มีแผนที่จะหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ในปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าเต็มกำลังการผลิตเช่นกัน

                   

   นายธนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับรายได้ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ มีรายได้รวม 5,724 ล้านบาท ลดลงจากช่วง 9 เดือนของปี 2562 ที่มีรายได้ 6,731 ล้านบาท ลดลง 1,007 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 15

   โดยสาเหตุหลักมาจากการประกาศจ่ายไฟฟ้าด้วยความระมัดระวังของโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ทำให้ในครึ่งปีแรกของปี 2563 ขายไฟฟ้าได้น้อยกว่าครึ่งปีแรกของปี 2562 บวกกับค่าก๊าซของ BIC ในช่วง 9 เดือนของ 2563 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ประมาณร้อยละ 7 

   แต่บริษัทยังสามารถทำกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทจำนวน 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัท 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.0

   ซึ่งสาเหตุมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่ 231 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าไซยะบุรีมีรายได้จากการขายไฟฟ้าช่วง 9 เดือนของปี 2563 รวม 8,942 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายไฟฟ้า 4,654.4 ล้านหน่วย

 

   “เนื่องจากตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ มีพายุและฝนตกต่อเนื่องในสปป.ลาว ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 มีปริมาณเพิ่มขึ้น

   ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี อยู่ในระดับที่เพียงพอและเป็นที่น่าพอใจต่อการขายไฟฟ้าในช่วงเดือนแรกของไตรมาส 4 ที่ผ่านมา

   และคาดว่าสถานการณ์น้ำว่าจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจต่อเนื่องไปในปี 2564 ดังนั้นคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายธนวัฒน์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

                                           

   ขณะนี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานและลงทุนโครงการใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา

   โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ทางทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ “A-” แนวโน้มคงที่ ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ CKPower ที่ระดับ “A” แนวโน้ม คงที่ (Stable)

   ซึ่งทริสเรทติ้งชี้ว่า อันดับเครดิตของ CKPower สะท้อนผลงานในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ และกระแสเงินสดรับที่คาดว่าจะได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้รับอันดับเครดิต “AAA/Stable”

   อีกทั้งบริษัทมีประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ  โดยในสิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 นี้ บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประมาณ 2,700 ล้านบาทหรืออัตรา EBITDA Margin ที่ร้อยละ 47  และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.62 เท่า

 

11 พฤศจิกายน 2563

ผู้ชม 396 ครั้ง

Engine by shopup.com