"ศักดิ์สยามลิสซิ่ง"โชว์แผนเชิงรุก!เข้าตลาดหุ้นไทย
"ศักดิ์สยามลิสซิ่ง"โชว์แผนเชิงรุก!เข้าตลาดหุ้นไทย
"ศักดิ์สยามลิสซิ่ง"โชว์แผนเชิงรุก!เข้าตลาดหุ้นไทย
ระดม!ทุนขยายพอร์ตสินเชื่อเกษตรกร-สาขาโต2เท่า
"บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง" ลั่นกลองรุก!ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ขานรับความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสูงขึ้น ดันตลาดสินเชื่อมีศักยภาพและช่องว่างเติบโต ชูประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 25 ปี เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม
ตอกย้ำจุดแข็งผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายและคุณภาพการให้บริการ ภายใต้กลยุทธ์ "ให้บริการอย่างเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง" สร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน
เพื่อการประกอบอาชีพ พร้อมขยายเครือข่ายสาขาทั้งในระดับจังหวัด อำเภอและตำบล ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มเท่าตัวเป็น 1,119 สาขาภายในปี 2566 และใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจ ในฐานะหนึ่งในผู้นำให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ
ผศ.ดร.พูนศักดิ์ บุญสาลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับภูมิภาคภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้ชื่อแบรนด์ "สินเชื่อศักดิ์สยาม" (SAKSIAM)
ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีจุดเริ่มต้นธุรกิจมาจากการรับบริหารจัดเก็บหนี้ ทำให้มีความเข้าใจลูกค้าและมองเห็นโอกาสการก้าวเข้าสู่ธุรกิจการปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชน
เพื่อนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการประกอบสัมมาชีพ โดยยึดหลักแนวคิด "การให้บริการอย่างเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง" ด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และจริงใจ ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น
ทั้งนี้บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวเป็น “หนึ่งในผู้นำสินเชื่อส่วนรายย่อยระดับชาติ” โดยเป็นบริษัทที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.สินเชื่อทะเบียนรถ (Vehicle Title Loan) สำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไปและเกษตรกร ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์กระบะ รถตู้ รถบรรทุกและรถใช้เพื่อการเกษตร
โดยใช้สมุดคู่มือจดทะเบียนรถเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือนสำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไป หรือชำระเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือนสำหรับลูกค้าเกษตร ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก
2.สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ประจำที่แน่นอน อาทิ ข้าราชการ, พนักงานบริษัท เป็นต้น โดยไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อ ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 25 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก
3.สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (Nano Finance) เป็นสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพสำหรับบุคคลทั่วไป อาทิ พ่อค้า แม่ค้า ผู้ทำงานอาชีพอิสระ หรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 33 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก
4.สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรถแลกเงิน (Hire-Purchase and Car for Cash) สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่หรือต้องการนำรถยนต์มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ
โดยกำหนดระยะเวลาการผ่อนเป็นรายเดือนไม่เกิน 60 เดือน ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 350,000 บาท สำหรับรถยนต์และวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 70,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์
“ศักดิ์สยามลิสซิ่งมีความเข้าใจในความต้องการสินเชื่อของประชาชนเป็นอย่างดี โดยมีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการและจำนวนสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพร้อมขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ผู้ให้บริการสินเชื่อระดับชาติต่อไป” ผศ.ดร.พูนศักดิ์ กล่าวย้ำ
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศักดิ์สยามลิสซิ่ง กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2562) บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ เฉลี่ย 31.6% ต่อปี สอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 33.5%
โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,067 ล้านบาท จากจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม 230,273 สัญญา แบ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกัน 88% และลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ส่วนหนี้เสียหรือ NPL อยู่ในระดับ 1.5-2%
ในขณะที่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาหนี้เสียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% เนื่องจากไม่สามารถทำตลาดและบริหารหนี้ได้ตามปกติ แต่หลังจากมีการผ่อนปรนก็กลับมาสู่สภาวะปกติแล้ว
อย่างไรก็ตามการที่ ศักดิ์สยามลิสซิ่ง เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ภายในปีนี้เพื่อระดมทุนในการขยายพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายย่อยที่เป็นตลาดหลัก
รวมถึงขยายตลาดมายังพื่นที่กรุงเทพมหานครและภาคกลาง ด้วยการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศหรือเติบโตเป็น 2 เท่าภายใน 3 ปีนับจากนี้ ด้วยเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อคงค้างกว่า 12,000 ล้านบาทและสาขาจำนวน 1,119 สาขา
นายศิวพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม โปร่งใส และเป็นธรรม โดยพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ตั้งแต่การเสนอสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จัดทำสัญญา รับชำระหนี้ บริหารหนี้สูญ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในเชิงลึก เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า
ซึ่งนโยบายและการบริหารงานดังกล่าว เกิดจากความเข้าใจในความต้องการสินเชื่อของลูกค้า ที่ต้องการแหล่งเงินทุนนำไปประกอบสัมมาชีพ ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าในระดับชุมชน
จากการมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมการให้บริการปัจจุบันจำนวน 519 สาขา ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 38 จังหวัด (ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563) ส่งผลทำให้ชื่อของ "สินเชื่อศักดิ์สยาม" เป็นที่รู้จักและยอมรับมาอย่างยาวนานจากผู้ใช้บริการ
ทั้งนี้บริษัทวางแผนการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล โดยเพิ่มเป็น 1,119 สาขาภายในปี 2566 ซึ่งเป็นการตั้งเป้าขยายสาขาอย่างน้อยปีละ 200 สาขา
โดยมุ่งเน้นให้มีสาขาอยู่ครอบคลุมอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ และเพิ่มจำนวนสาขาในพื้นที่เดิมให้เข้าถึงในระดับชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการสินเชื่อที่มีมาตรฐานและความเป็นธรรมได้ง่ายขึ้น รองรับความต้องการของสินเชื่อที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
11 พฤศจิกายน 2563
ผู้ชม 477 ครั้ง