"ซัคเซสมอร์" ไม่หวั่น!โควิด-19 กำไรพุ่ง!สวน!ยอดขาย
"ซัคเซสมอร์" ไม่หวั่น!โควิด-19 กำไรพุ่ง!สวน!ยอดขาย
"ซัคเซสมอร์" ไม่หวั่น!โควิด-19 กำไรพุ่ง!สวน!ยอดขาย
รีเทิร์น!ส่งออก"เมียนมาร์"-รุก!ออนไลน์รับNew Normal
นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดและรัฐบาลได้ออกมาตรการในการควบคุมอย่างเคร่งครัดในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ
เช่นเดียวกับ “ซัคเซสมอร์” ที่ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้ส่งผลให้ยอดขายติดลบลงไปกว่า 25% และหลังจากที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลให้ยอดขายกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นจนเหลือการติดลบที่ 10%
ดังนั้นคาดว่าภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ “ซัคเซสมอร์” จะสามารถกลับมาสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ผลประกอบการสิ้นปีนี้กลับมาอยู่ในระดับเสมอตัวหรือยอดขายเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา
แต่ทั้งนี้แม้ “ซัคเซสมอร์” จะเจอสถานการณ์ที่ท้าทายจากโควิด-19 จนส่งผลกระทบต่อยอดขายก็ตาม ในขณะที่ผลกำไรของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ดังเดิม โดยประเมินว่าปีนี้จะมีกำไรจำนวน 60-80 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นเพราะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ “ซัคเซสมอร์” จะได้รับปัจจัยบวกในการเติบโตทางธุรกิจจากประเทศเมียนมาร์ที่จะส่งผลดีต่อยอดขายและผลกำไรของบริษัท
หลังจากที่มีสัญญาณที่ดีในทางกฎหมายขายตรงจากทางรัฐบาลที่จะทำให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้งหลังจากหยุดชะงักไปเป็นระยะเวลานานแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมความพร้อมในเรื่องของสินค้าและเว็บไซต์ที่เป็นภาษาเมียนมาร์เพื่อกลับมาทำตลาดอีกครั้งแล้ว
ทั้งนี้ปัจจุบัน “ซัคเซสมอร์” มีสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกจากต่างประเทศในกลุ่มอาเซียนที่ 20% และในประเทศที่ 80% แต่ทั้งนี้ในแง่ของผลกำไรสุทธิทางธุรกิจหรือ Net Profit นั้น
ปรากฎว่ายอดขายในการส่งออกต่างประเทศนั้นอยู่ที่ 20% แต่ในประเทศยอดขายมี Net Profit อยู่ที่ 5% ดังนั้นเมื่อสามารถกลับมาส่งออกไปยังเมียนมาร์ได้อีกครั้งจึงส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทที่เพิ่มขึ้นแม้ยอดขายจะเติบโตเสมอตัวก็ตาม
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน “ซัคเซสมอร์” มีการดำเนินธุรกิจส่งออกไปยังต่างประเทศนอกจากเมียนมาร์แล้วก็ยังมีที่กัมพูชาที่คาดว่าจะเติบโต 200% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนในลาวนั้นหลังจากดำเนินธุรกิจมาหลายปีก็อยู่ตัวและคงที่แล้ว
ในขณะที่ประเทศที่มีความท้าทายคือที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่ง “ซัคเซสมอร์” ต้องยกระดับในเรื่องของแบรนด์และสินค้าในการทำตลาดอย่างต่อเนื่องต่อไป
นายนพกฤษฏิ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมการดำรงชีวิตและการดำเนินธุรกิจต้องปรับสู่วิถีใหม่หรือ New Normal นั้นทาง “ซัคเซสมอร์” ก็ได้รับตัวรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในการพัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการตลาดและสมาชิกนักขาย
จากเดิมเว็บไซต์และช่องทางออนไลน์ของบริษัทนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ อำนวยความสะดวกให้สมาชิกฝ่ายขายติดต่อกับบริษัทและบริการเรื่องการจัดส่งสินค้า แต่ปัจจุบัน “ซัคเซสมอร์” ได้พัฒนาช่องทางเว็บไซต์ของบริษัทให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจสมัครเข้าเป็นสมาชิกนักขายกับบริษัทได้อีกช่องทางหนึ่ง
ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อายุ 25 ปี จากปัจจุบันที่บริษัทมีฝ่ายขายที่อายุเฉลี่ย 35 ปี โดยผู้ที่สนใจสมัครเข้ามาผ่านช่องทางดิจิทัลที่ “ซัคเซสมอร์” ได้พัฒนาขึ้นนี้จะถูกเก็บรวบรวมเป็นข้อมูลกลางเพื่อนำมาพิจารณาคุณสมบัติในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกฝ่ายขายของบริษัทต่อไป
ทั้งนี้หลังจากที่ “ซัคเซสมอร์” ได้พัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อให้สอดรับกับ New Normal ในการทำตลาดหลังโควิด-19 ครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายการและทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20%
06 กรกฎาคม 2563
ผู้ชม 643 ครั้ง