TDSA ปรับฐานปั้น!ยอดขายโต2%
TDSA ปรับฐานปั้น!ยอดขายโต2%
TDSA ปรับฐานปั้น!ยอดขายโต2%
เกาะเทรนด์!สูงวัย-Gen Z-ออนไลน์
นายสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล นายกสมาคมการขายตรงไทย หรือ TDSA เปิดเผยถึงภาพรวมในปี 2561 ที่ผ่านมาว่า ธุรกิจขายตรงไทยมีมูลค่าตลาดรวมจำนวน 69,800 ล้านบาท ปรับตัวลดลงไป 1.69% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ตลาดมีมูลค่ารวม 71,000 ล้านบาท
ในขณะที่จำนวนนักธุรกิจขายตรงในปีที่ผ่านมาก็มีจำนวนลดลงไป 1.38% โดยอยู่ที่ 11.1 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีอยู่จำนวน 11.25 ล้านคน เนื่องจากสภาพสังคมและเศรษฐกิจมีการแข่งขันสูง และผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายช่องทาง
โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้นักธุรกิจขายตรงบางส่วนออกมาประกอบธุรกิจออนไลน์ด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้แม้จำนวนนักธุรกิจขายตรงจะลดลงแต่ก็ได้มีการรักษาคุณภาพและยอดขายไว้ได้ดังเดิม ในขณะที่เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในธุรกิจขายตรงก็เป็นอีกช่องทางที่ใช้ในการรีครูทนักธุรกิจเข้ามาสู่ระบบได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน
สำหรับปี 2562 ทาง สมาคมการขายตรงไทย คาดว่า ธุรกิจจะมีการเติบโตที่ 1-2% จากนโยบายการเมืองที่นิ่งหลังการเลือกตั้ง รวมถึงปัจจัยของทิศทางของสังคมผู้สูงอายุหรือ GEN B ในไทยที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2564 จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของประชากรทั้งประเทศ
ทั้งนี้เพราะจากมูลค่ารวมของธุรกิจขายตรงไทยนั้นปรากฎว่า ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมีสัดส่วนมากที่สุด 55.04% รองลงมาเป็น เครื่องสำอาง มีสัดส่วนที่ 28.20% ส่วนเครื่องใช้ในครัวเรือนมีสัดสวนอยู่ที่ 8.24% และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มีสัดส่วนอยู่ที่ 8.52%
นอกจากนั้นกลุ่มผู้บริโภค GEN Z ก็จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการเติบโตของธุรกิจขายตรงไทยด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยิดติดกับแบรนด์ แต่คำนึงถึงเรื่องคุณภาพเป็นหลัก
ในขณะที่การทำตลาดของนักธุรกิจขายตรงไทยเองก็มีศักยภาพของกลุ่มลูกค้าและสมาชิกของตนเองอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความผูกพันธ์กับแบรนด์ขายตรง
อีกทั้งทุกบริษัทต่างก็มีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายของบริษัทตนเองอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ดังนั้นด้วยปัจจัยดังกล่าวก็สามารถผลักดันให้ธุรกิจขายตรงไทยเติบโตได้ที่ระดับปกติ 3% เหมือนเช่นทุกปีได้เช่นกัน
นายกิจธวัช ฤทธีราวี เลขาธิการ สมาคมการขายตรงไทย หรือ TDSA กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่มูลค่าตลาดรวมของธุรกิจขายตรงไทยปรับตัวลดลงเล็กน้อยนั้น เนื่องจากตลาดมีการปรับฐานและ “ล้างบ้าน”
จนสะท้อนออกมาเป็นมูลค่าทางการตลาดและฐานทางธุรกิจที่แท้จริงในปัจจุบัน หลังจากที่ในปีที่ผ่านมามีบริษัทใหม่ ๆ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจ และสร้างการเติบโตภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ส่วนทิศทางของออนไลน์ที่จะเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลต่อธุรกิจขายตรงไทยนั้น ทุกบริษัทต่างก็มีการปรับกลยุทธ์และวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลอยู่แล้ว
โดยการพัฒนาและวางระบบไอทีของตนเองมากว่า 2 ปีแล้ว คาดว่าภายใน 3 ปีหรือปี 2563 จะปรากฎทิศทางการดำเนินธุรกิจขายตรงไทยในยุคดิจิทัลได้อย่างชัดเจนจากการผสมผสานช่องทางการตลาดแบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันหรือ Omni Channel ต่อไป
13 มีนาคม 2562
ผู้ชม 3084 ครั้ง