ลลิลฯ ปรับกลยุทธ์ รุกรายได้ 4,050 ลบ. สู้!เศรษฐกิจปี68
ลลิลฯ ปรับกลยุทธ์ รุกรายได้ 4,050 ลบ. สู้!เศรษฐกิจปี68
ลลิลฯ ปรับกลยุทธ์ รุกรายได้ 4,050 ลบ. สู้!เศรษฐกิจปี68
หลังลูกค้าวืด!สินเชื่อแตะ30%-ครึ่งปีแรกชิมลาง4โครงการ
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มองเศรษฐกิจไทยปี 2568 เป็นปีแห่งโอกาสสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand ที่ยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่ง หนุนด้วยปัจจัยบวกจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
การเพิ่มขึ้นของการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัว และอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดลง
ปี68 เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000–5,000 ล้านบาท ยอดขาย 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% รับรู้รายได้ 4,050 ล้านบาทเติบโตขึ้นหลังผ่านจุดต่ำสุดในปีที่ผ่านมา
ครึ่งปีแรกปูพรม 4 โครงการ พร้อมรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนเดินหน้าตามแผน หลังปีที่ผ่านมาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากแบงก์พุ่งแตะ 30% จากปกติที่ 20%
เดินหน้าปรับกลยุทธ์ด้านการตลาดผ่าน Digital Transformation, Big Data และ CRM เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่คล่องตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน
ภายใต้แนวคิด "National Property Company" และแนวทาง ESG ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี" เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2568 คาดว่าจะเติบโตจาก 2.7% เป็น 2.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 40 ล้านคน
การเพิ่มขึ้นของการลงทุนของภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ขยายตัวมีการลงทุนใหม่ๆ และอัตราดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับลดลง
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงจับตามองปัจจัยเสี่ยง เช่น สงครามการค้า (Trade War) ที่กลับมารุนแรง ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risk) ความเสี่ยงจากแนวโน้มการขยายตัวต่ำกว่าคาดของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แนวโน้มการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจจีน และภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นคุณภาพและความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด "National Property Company"
โดยมุ่งเน้นการบริหารงานตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยในปี 2568 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด "Year of Competitive Survival with Quality, Lean and Innovation for Resilience & Sustainable Growth" เพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านการตลาดแบบ Lifestyle & Experience Marketing, การใช้ Big Data เพื่อเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค และการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ เชื่อว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งโอกาสสำคัญของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” นายไชยยันต์ กล่าวถึงทิศทางและแนวคิดในการดำเนินธุรกิจขององค์กรเพิ่มเติมว่า
สำหรับในปี 2568 ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีแผนเปิดโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาทหรือเติบโต 10% เมื่อเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3-5%
และรับรู้รายได้ 4,050 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปี 2567 ที่ผ่านมาที่เป็นจุดต่ำสุดผ่านมาแล้ว โดยมี Backlog อยู่ที่ 800-900 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้
ส่วนงบประมาณในการซื้อที่ดินเตรียมไว้ 500-800 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีที่ดินรองรับในการก่อสร้างโครงการตามแผนงานที่วางไว้แล้วกว่า 80% ในขณะที่สถานะทางการเงินมีวงเงินสินเชื่อจำนวน 2,00-3,000 ล้านบาท โดยที่อัตราหนี้สินต่อทุนหรือ D/E อยู่ในระดับต่ำที่ 0.7 เท่า
ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการทำตลาดปีนี้บริษัทวางแผนเจาะกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ระดับ 2-12 ล้านบาท ภายใต้ 4 แบรนด์ โดยในครึ่งปีแรกเตรียมเปิดตัว 4 โครงการก่อน
จากนั้นจะติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้าจากหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก ก่อนที่จะเดินหน้าเปิดตัวโครงการในครึ่งปีหลังตามแผนงานที่วางไว้
ทั้งนี้เพราะในปี 2567 ที่ผ่านมาลูกค้าของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีสัญญาณของอัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปกติจะอยู่ที่ระดับ 20%
นอกจากนั้นบริษัทยังเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยผู้ซื้อในกลุ่ม Real Demand ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นขึ้น เช่น การมีพื้นที่ Work from Home พื้นที่สีเขียว
และบ้านแนวคิด Green Living Standard ซึ่งเป็นแนวทางที่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ให้ความสำคัญและนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ยิ่งขึ้นด้วย Lifestyle & Experience Marketing และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
โดยได้นำ Digital Marketing, Brand Collaboration, CRM และ Big Data เพื่อใช้เป็นแนวทางและองค์ประกอบสำคัญ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจและเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
"แนวคิดที่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ นำมาใช้ในปีนี้ คือการปรับองค์กรให้เป็น Agile Organization ผ่านกระบวนการ Digital Transformation ซึ่งหมายถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่น (Flexible) คล่องตัว (Agile) และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ซึ่งจะช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินงานทำให้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ สามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่มากขึ้น
โดยมุ่งเน้นใน 2 ด้านหลัก คือ Design & Innovation (การออกแบบและนวัตกรรม) ออกแบบบ้านที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ ทั้งด้านความสวยงาม ฟังก์ชันการใช้งาน และการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ใช้วัสดุและเทคโนโลยีก่อสร้างที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย
เพื่อให้บ้านมีความทนทานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมออกแบบพื้นที่ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล เช่น มีพื้นที่สำหรับการใช้ชีวิตแบบ Hybrid Smart & Flexible Function (ฟังก์ชันที่ฉลาดและยืดหยุ่น)
สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยพื้นที่ในบ้านสามารถรองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน การเรียนออนไลน์ หรือการพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว
โดยแนวคิดนี้สามารถพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลายกระดับมาตรฐานของโครงการ
ตอบสนองต่อเทรนด์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้โครงการของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มีความโดดเด่นในตลาด ทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างแข็งแกร่ง" นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป
17 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ชม 177 ครั้ง