ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง "อินสไปร์ ไอวีเอฟ"
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง "อินสไปร์ ไอวีเอฟ"
ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง "อินสไปร์ ไอวีเอฟ"
เสนอขาย IPO 130 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) ของบริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “IVF”
สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในจำนวนไม่เกิน 130,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.55 ของจำนวนที่ออกและเรียกชำระทั้งหมด
เพื่อระดมทุนตามแผนการมุ่งสู่ตำแหน่ง “ผู้นำศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากของเอเชียด้วยมาตรฐานสากล” ด้วยนโยบายการขยายจำนวนสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ ตลอดจนเพิ่มบริการเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู
สอดรับกับโอกาสเติบโตทางธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยาก (Fertility) ในระดับโลกที่มีแนวโน้มสดใส ภายใต้มาตรฐานการดำเนินงานระดับสากล
นางสาวเกศิณี กุลดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “IVF” เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแบบครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้บริการแต่ละบุคคล และการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์
ภายใต้ประสบการณ์กว่า 6 ปีโดยแผนการเข้าตลาด IPO ในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจ โดยอาศัยจุดเด่นในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม ดังนี้
- ประสบการณ์การให้บริการภายใต้มาตรฐานสากล บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในฐานะ “ศูนย์รวมความเชี่ยวชาญด้าน Fertility” ที่ครอบคลุม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เทคโนโลยีการดูแลที่ทันสมัย เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ของคู่สมรส และมาตรฐานการให้บริการระดับสากล รวมถึงมาตรฐานด้านการบริหารจัดการ ทั้งด้านการแพทย์และการให้บริการ
- ได้รับการรับรองในมาตรฐานสากล บริษัทมุ่งมั่นสู่มาตรฐานคุณภาพระดับสากลอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นธุรกิจศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากแรกในเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรอง AACI และ ISO9001 นอกจากนั้นยังเป็นแห่งที่สองของโลกที่ได้รับ Global Healthcare Accreditation (โปรแกรมเฉพาะ COVID-19 สำหรับ Medical Travel) และได้รับการรับรองจาก TEMOS International Healthcare Accreditation (Excellent in International Reproductive Care) จากประเทศเยอรมนี และล่าสุด บริษัทได้รับรางวัล Excellence Awards เป็นรายแรกและรายเดียวในปัจจุบันสำหรับกลุ่มธุรกิจ IVF ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
- ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่อการรักษา บริษัทมีการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ ลดระยะเวลาในการรักษาและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วย อาทิ EmbryoScope plus ตู้เลี้ยงตัวอ่อนที่สามารถติดตามการเจริญเติบโตของตัวอ่อนได้แบบเรียลไทม์ พร้อมประเมินคุณภาพตัวอ่อนด้วยเทคโนโลยีเอไอ (AI), LensHooke® เครื่องตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเชื้อ ที่ครอบคลุมความเข้มข้น การเคลื่อนไหว รูปร่าง รวมถึงโอกาสการติดเชื้อ, เทคนิค PGT-A/-SR SNP Array ของ illumina การตรวจวินิจฉัยโครโมโซมของตัวอ่อน เพื่อทำหน้าที่คัดกรองโรคทางพันธุกรรมได้อย่างแม่นยำ ฯลฯ
- พร้อมให้บริการลูกค้าด้วยบริการระดับสากล นอกจากการอบรมผู้ให้บริการให้มี Service Mind ในระดับสูง บริษัทยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกทีมงานมืออาชีพ เข้าใจลูกค้า สามารถให้บริการหลายภาษา ครอบคลุมภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษามลายู โดยในปี 2565-2566 มีสัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการเป็นชาวต่างชาติกว่าร้อยละ 80 โดยกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ อินเดีย และจีน
- โครงสร้างรายได้ที่แข็งแกร่ง บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้กลยุทธ์ Asset-light เช่น การร่วม Joint Venture กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในอุตสาหกรรมเดียวกันและภายนอก จนสามารถสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการในปี 2564-2566 เท่ากับ 11.24 ล้านบาท 63.31 ล้านบาท และ 121.55 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจ IVF และในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 มีรายได้จากการให้บริการ 83.28 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยาก 61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92 และรายได้จากธุรกิจเวชศาสตร์ฟื้นฟูฯ 6.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8
ด้าน นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 130,000,000 หุ้น ทั้งนี้ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีทุนชำระแล้ว 220,000,000 บาท คิดเป็นจำนวน440,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท จากทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 155,000,000 บาท
โดยมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องและใช้ในการขยายสาขาให้บริการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายการเติบโตของอินสไปร์ ไอวีเอฟ ไปในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลโดยจะพิจารณาตามความสามารถในการทำไรแต่ละปี ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่นๆ
ติดตามความเคลื่อนไหวของ บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “Inspire IVF” ได้ทางเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/inspireivfthailand และเว็บไซต์ https://www.inspireivf.com หรือสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 063-531-8666 และ 02-2518666
12 พฤศจิกายน 2567
ผู้ชม 36 ครั้ง