BKI ตั้งการ์ด!ประกันต่อเต็มสูบ 7,800 ล้านบาท รับภัยธรรมชาติ
BKI ตั้งการ์ด!ประกันต่อเต็มสูบ 7,800 ล้านบาท รับภัยธรรมชาติ
BKI ตั้งการ์ด!ประกันต่อเต็มสูบ 7,800 ล้านบาท รับภัยธรรมชาติ
สแกนเข้ม!พื้นที่เสี่ยงภัย-รอเบี้ยประกันข้าว/เมกะโปรเจกต์หนุนโต8%
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า จากผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้น ณ วันที่ 3 ตุลาคม 2567 บริษัทได้รับการแจ้งเคลมประกันภัยทรัพย์สินมาแล้วจำนวน 290 ล้านบาทและประกันภัยรถยนต์จำนวน 50 ล้านบาท
แต่ทั้งนี้มีการประเมินว่าผลกระทบจากน้ำท่วมทั่วประเทศที่รวมถึงภาคใต้ด้วยนั้นจะส่งผลให้ในปี 67 จำนวนเคลมอยู่ที่ 200 ล้านบาทหลังจากการประกันภัยต่อไปแล้ว ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อกำไรจากการรับประกันภัยของบริษัทเช่นกัน
ถึงแม้ว่าน้ำท่วมในครั้งนี้แตกต่างจากปี 2554 ที่ความเสียหายมีมูลค่าสูงเนื่องจากเป็นนิคมอุสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ แต่ในปีนี้เป็นความเสียหายทางทรัพย์สินและรถยนต์เป็นหลัก
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเคลมจากภัยน้ำท่วมและ กรุงเทพประกันภัย ก็ยังคงเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรวมในปี 2567 ดังเดิมคือ 8% หรือจำนวน 32,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 30,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ส่วน Combine Ratio อยู่ที่ 89% และสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 90-92% ที่ยังคงทำให้บริษัทมีกำไรอยู่เช่นเดิม
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะประกันภัยรถยนต์เติบโตที่ 10% จากพอร์ตที่ 44% โดยที่บริษัทได้มีการปรับลดพอร์ตการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ลงมาเหลือ 7-8% ตามนโยบายความเสี่ยงภัยที่ตั้งไว้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่พอร์ตดังกล่าวมีสัดส่วนอยู่ที่ 11% ของพอร์ตการประกันภัยรถยนต์ ในขณะที่อีก 56% เป็นการประกันภัยนอน มอเตอร์
ทั้งนี้การที่ กรุงเทพประกันภัย ยังคงเป้าหมายการเติบโตดังเดิมแม้จะมีเคลมน้ำท่วมก็ตาม เนื่องจากยังมีการรับประกันภัยข้าวที่จะมีเบี้ยเข้ามาในเร็วๆ นี้ ซึ่งบริษัทมีสัดสวนการรับประกันภัยที่ 13% จากเบี้ยประกันภัยดังกล่าวจำนวน 2,300 ล้านบาท
ซึ่งเคลมดังกล่าวอยู่ที่อัตรา 70% ซึ่งก็ยังทำให้มีกำไรในการรับประกันภัย รวมถึงการประกันภัยเมกะโปรเจกต์ที่จะมีเบี้ยเข้ามาในไตรมาส 4 นี้หลังจากที่รัฐบาลมีการใช้งบประมาณในการลงทุนออกมา
ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ในการรับประกันภัยหลังจากนี้ธุรกิจมีความกังวลเรื่องภัยธรรมชาติมากขึ้นที่มีความรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นจากทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ดังนั้น กรุงเทพประกันภัย จึงมีการเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงภัยดังกล่าวไว้แล้วเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ด้วยการปรับเพิ่มการประกันภัยต่อจากภัยธรรมชาติมาเป็น 7,800 ล้านบาท คิดเป็นเบี้ยประกันภัยต่อที่เพิ่มขึ้นมาที่ 10% ซึ่งทางบริษัทประกันภัยต่อในต่างประเทศจะพิจารณาจากอัตราผลกำไรที่ได้รับจากบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนั้นในการพิจารณารับประกันภัยหลังจากนี้ กรุงเทพประกันภัย ก็จะมีความเข้มงวดและให้ความสำคัญกับข้อมูลของความเสี่ยงภัยจากภัยธรรมชาติมากขึ้น ทั้งพื้นที่ที่เกิดภัยธรรมชาติที่สะสมและต่อเนื่อง
รวมถึงพื้นที่ของโซนลมพายุ ความเร็ว และแรงของลม และยังคำนึงถึงระดับความสูงของแต่ละพื้นที่ด้วยว่าอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้เพื่อที่จะนำมาพิจารณารับประกันภัยและจำกัดความเสียหายในการรับประกันภัยแต่ละพื้นที่ความเสี่ยงภัยดังกล่าว
08 ตุลาคม 2567
ผู้ชม 78 ครั้ง