ทีเอ็มบีธนชาต โชว์ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นแกร่ง!
ทีเอ็มบีธนชาต โชว์ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นแกร่ง!
ทีเอ็มบีธนชาต โชว์ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นแกร่ง!
จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล0.065บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น30%
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ทีทีบี) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนของปี 2567 ในอัตรา 0.065 บาทต่อหุ้น
โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 7 ตุลาคม 2567 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 นี้
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า นับตั้งแต่รวมกิจการ ธนาคารมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบมาโดยตลอด จุดประสงค์เพื่อเสริมสถานะทางการเงินให้มีความแข็งแกร่งและมีความพร้อมในทุกด้าน
จึงทำให้ธนาคารสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและสามารถสานต่อพันธกิจที่มีต่อลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางได้อย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
ควบคู่กันไปนั้นธนาคารยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของธนาคารเช่นกัน ทั้งนี้จากการดำเนินกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีคุณภาพและการนำเอาศักยภาพด้านดิจิทัลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมาย ในประการสำคัญ คือมีระดับเงินกองทุนที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด จึงทำให้มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่รวมกิจการ
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2567 ธนาคารได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.065 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2566 ที่อัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น
โดยการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวเทียบเท่ากับอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 60% โดยประมาณ ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงเป็นลำดับต้นๆ ของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ทั้งนี้ธนาคารจะยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการเงินทุน (Capital management) อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในทุกมิติ
ไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่เพิ่มขึ้น การจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง และมูลค่าหุ้นที่มีแนวโน้มเชิงบวกสอดคล้องกับทิศทางของผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกันก็จะยังคงรักษาระดับเงินกองทุนให้อยู่ในระดับสูงต่อไป โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2567 อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) และอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) ของธนาคารอยู่ที่ 17% และ 20% ซึ่งสูงเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม และสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ที่ 9.5% และ 12.0% ตามลำดับ
26 กันยายน 2567
ผู้ชม 46 ครั้ง