บีเจซีโชว์ผลงานQ2/67รายได้43,085ลบ.
บีเจซีโชว์ผลงานQ2/67รายได้43,085ลบ.
บีเจซีโชว์ผลงานQ2/67รายได้43,085ลบ.
กำไรจากการดำเนินงานเติบโตกว่า 15%
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี เปิดเผยรายได้รวมในไตรมาส 2/67 เท่ากับ 43,085 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257 ล้านบาทจากปีก่อน จากการบริหารจัดการวัตถุดิบที่ดีขึ้น การผลิตที่เพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การมุ่งเน้นเพิ่มการขายสินค้าที่มีกำไรดีมากขึ้น รวมไปถึงโครงการลดต้นทุนต่างๆ ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,352 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 15% ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ที่ 1,228 ล้านบาท
กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ รายงานยอดขายในไตรมาสนี้ 2/67 อยู่ที่ 6,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาท สาเหตุหลักจากยอดขายที่เติบโตขึ้นของกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระป๋องจากยอดขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมและกาแฟที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น
ในขณะที่บรรจุภัณฑ์แก้วลดลงจากยอดขายที่ลดลงของหมวดหมู่เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ แต่ในขณะเดียวกันยอดส่งออกและยอดขายกลุ่มลูกค้า 3rd party ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 22.3 เพิ่มขึ้น 411 bps จากปีก่อน เป็นผลมาจากทั้งกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์กระป๋อง
จากการบริหารจัดการราคาต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่ดีขึ้น ทั้งแก๊สธรรมชาติ โซดาแอช อะลูมิเนียมและค่าไฟฟ้า รวมไปถึงอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น
ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 613 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 216 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54.4 จากปีก่อน
กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค รายงานยอดขายอยู่ที่ 5,279 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85 ล้านบาท จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคในกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัว
เติบโตจากสบู่แพรอทและสบู่เด็กดีเอ็มพีจากแคมเปญการตลาดที่ได้รับการตอบรับที่ดี ส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กลุ่มสินค้ากระดาษ ที่เป็นแบรนด์ของบริษัท ยังคงเติบโตได้ดีเช่นกัน
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 19.4 เพิ่มขึ้น 147 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการขายสินค้าที่มีกำไรดีมากขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
ส่งผลให้กำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภคในไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 35.4 จากปีก่อน
กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค รายงานยอดขายอยู่ที่ 2,401 ล้านบาท ลดลง 28 ล้านบาท จากยอดขายสินค้าเครื่องมือแพทย์ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม สินค้าเครื่องมือแพทย์จะได้รับประโยชน์จากงบประมาณภาครัฐในครึ่งหลังของปี 2567
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 28.5 ลดลง 111 bps จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากสัดส่วนการขายวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมีอัตรากำไรขั้นต้นตํ่ากว่าสินค้าปกติ อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง
กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ รายงานรายได้รวมอยู่ที่ 29,404 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายสินค้าเท่ากับ 26,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 ล้านบาท จากปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขา
ขณะที่ยอดขายต่อสาขาเดิมในไตรมาสปรับตัวลดลงอยู่ที่ -1.9% (ไม่รวมยอดขายสินค้าบีทูบี) และรายได้อื่นอยู่ที่ 3,198 ล้านบาท ลดลง 113 ล้านบาท จากการลดลงของรายได้ค่าเช่าและการให้บริการ โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าสาธารณูปโภคเรียกเก็บจากผู้เช่าที่ลดลง
อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 18.6 เพิ่มขึ้น 91 bps จากปีก่อน จากการจัดการการส่งเสริมการขายที่ดี และการลดลงของต้นทุนค่าขนส่ง และมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 1,034 ล้านบาท ลดลง 77 ล้านบาท จากปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาในประเทศไทยและต่างประเทศ
กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ยังคงขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/67 โดยได้เปิดบิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศลาว จำนวน 1 สาขา บิ๊กซี มินิ ในประเทศไทยจำนวน 7 สาขา บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิสจำนวน 1 สาขา ร้านขายยาเพรียวจำนวน 1 สาขา และร้านค้าโดนใจ 1,544 สาขา ในระหว่างไตรมาส
นอกจากนี้บริษัทเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของการสั่งซื้อสินค้าแบบ On-Demand บนแฟลตฟอร์ม Omnichannel เป็นผลมาจากการขยายการให้บริการที่ครอบคลุมร้านค้าไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตในช่วงปลายไตรมาสที่ 1/67 ซึ่งได้รับการตอบรับการลูกค้าที่ดี มีการสั่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างมั่นคง ด้วยวิสัยทัศขององค์กรที่ตั้งเป้าหมาย เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือ เพื่อร่วมสร้างให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์เพื่อเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง
01 กันยายน 2567
ผู้ชม 37 ครั้ง