วี ฟาร์ม Collaboration ไร่สุวรรณ รับเทรนด์น้ำนมข้าวโพดโตแรง!
วี ฟาร์ม Collaboration ไร่สุวรรณ รับเทรนด์น้ำนมข้าวโพดโตแรง!
วี ฟาร์ม Collaboration ไร่สุวรรณ รับเทรนด์น้ำนมข้าวโพดโตแรง!
ปูพรม!ขายผ่าน 7-อีเลฟเว่น ทั่วประเทศ-ดันยอดขายปี68แตะ25%
บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ วี ฟาร์ม จับมือ ศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามแนวทางขับเคลื่อนองค์กรด้วยนวัตกรรม (IDE : Innovation Driven Enterprise)
ชูกลยุทธ์ Collaboration เปิดตัวน้ำนมข้าวโพด วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ ปรากฏการณ์ใหม่ของตลาดที่สองผู้นำตลาด (Market Leader) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา “ข้าวโพดหวาน” จับมือกันออกผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานผู้บริโภคในทุกเจเนอเรชันพร้อมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินค้า
หลังสบช่องเปิดตัวน้ำนมข้าวโพดจำหน่ายผ่าน 7-อีเลฟเว่น เพียงปีเดียวสร้างยอดขายเติบโตกว่า 3 เท่า โดยน้ำนมข้าวโพดวี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ ชูรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จำหน่ายผ่านร้าน 7-อีเลฟเว่น กว่า 14,000 สาขาทั่วไทย และสั่งผ่านแอพ 7-อีเลฟเว่น Delivery ส่งถึงบ้าน
พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำนมจากพืช ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปีราว 8-9% แซงอัตราการเติบโตของนมวัว รวมถึงช่วยหนุนความยั่งยืนให้เกษตรกรไทย
ทั้งนี้คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดหลักผ่าน 7-อีเลฟเว่น ได้อีกกว่า 10% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดในช่องทางนี้กว่า 64%
และเพิ่มสัดส่วนยอดขายน้ำนมข้าวโพดจาก 20% เป็น 25% ในปี 68 ส่วนยอดขายปี 67 ตั้งเป้าไว้จำนวน 250 ล้านบาท เพิ่มจาก 200 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ วี ฟาร์ม เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมาตลาดน้ำนมจากพืช (Plant-based Milk) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 8-9% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่เร็วกว่านมวัวที่โตเพียง 6% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา
ขณะที่งานวิจัยในต่างประเทศมีการระบุว่าตลาดผลิตภัณฑ์นมทางเลือกทั่วโลกจะเติบโตที่ 13% CAGR จนถึงปี 2030 โดยได้รับแรงผลักดันจากเทรนด์การบริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เทรนด์การบริโภควีแกน-แพลนต์เบส และภาวะการแพ้แลคโตสจากนมวัวที่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่ปี 2566 ที่ผ่านมา น้ำนมข้ำวโพดแบรนด์วี ฟาร์มเติบโตเกือบ 3 เท่า โดยยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000-9,000 ขวด/ วัน โดยมีการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดในช่องทางร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 15 จุด
ทำให้วี ฟาร์ม เป็นเจ้าตลาดน้ำนมข้าวโพดในช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 64% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับไลน์โปรดักส์ของบริษัททั้งหมด น้ำนมข้าวโพดมีสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 20%
ซึ่งถือว่าเติบโตได้อย่างโดดเด่น และการเติบโตที่ต่อเนื่องนี้ มีปัจจัยมาจากการเลือกวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมจากเกษตรกรไทย รวมถึงการทำตลาดที่มุ่งเน้นทั้งช่องทางออนไลน์ ออฟไลน์ และการเข้าถึงผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพได้อย่างแท้จริง
ดังนั้น วี ฟู้ดส์ ยังคงมุ่งเดินหน้าส่งเสริมภาคการเกษตรไทยให้ก้าวสู่สินค้าที่มีมูลค่าสูง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการวิจัยและนวัตกรรม โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ในการทำงานร่วมกับคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในการวิจัย และพัฒนาข้าวโพดหวานสายพันธ์ต่างๆ และวัตถุดิบทางการเกษตร เพื่อผลิตน้ำนมข้าวโพดไร่สุวรรณ และการนำวัตถุดิบข้าวโพดมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างมูลค่าเพิ่มตามแนวทาง Zero Waste และยังมีการพัฒนาสินค้าร่วมกันอีกหลายโครงการ
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2567 นี้ ถือเป็นโอกาสพิเศษของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจครบรอบ 10 ปี จึงได้มีการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดจึงได้เดิหน้ากลยุทธ์ Collaboration ด้วยความร่วมมือกับแบรนด์ไร่สุวรรณ ภายใต้ศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
พัฒนาสินค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “น้ำนมข้าวโพดวี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ” เพื่อสร้างตลาดใหม่ ให้การเกษตรไทยเติบโตอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น รวมทั้งเปิดตลาดให้แบรนด์ไร่สุวรรณ และวี ฟาร์มได้นำความอร่อย และสุขภาพที่ดี ส่งถึงมือคนไทยทั้งประเทศ
โดยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการอุดหนุนสินค้าของไร่สุวรรณ สามารถหาซื้อน้ำนมข้าวโพดที่มีรสชาติดีได้ง่ายๆ จากร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-อีเลฟเว่นที่มีอยู่กว่า 14,000 สาขา และ 7-อีเลฟเว่น Delivery 24 ชั่วโมง ซึ่งสะดวกกับทั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ หรือกลุ่มครอบครัว
โดยน้ำนมข้าวโพด วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ ขนาด 280 มิลลิลิตร จำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-อีเลฟเว่น และ 7-อีเลฟเว่น Delivery ทั่วไทย ในราคา 35 บาท
สำหรับขั้นตอนการผลิตหลังเก็บเกี่ยว ข้าวโพดหวานไร่สุวรรณจะถูกลำเลียงสุ่โรงงานผลิตภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะทำการผลิตด้วยระบบพาสเจอไรซ์ โดยมีอายุสินค้า Shelf life 12 วัน เพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทั้งด้าน กลิ่น และคุณค่าทางสารอาหารของข้าวโพดไร่สุวรรณไว้
โดยจะไม่มีการผสมแป้ง หรือนมผง และสารกันบูดใดๆ โดยวี ฟาร์มจะรับข้าวโพดจากไร่สุวรรณวันละประมาณ 5 ตัน มาผลิตน้ำนมข้าวโพดสูตรใหม่นี้ที่โรงงานของวี ฟาร์ม โดยทางแบรนด์วี ฟาร์ม จะเป็นผู้ทำการตลาด และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในทุกช่องทาง
คาดว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดผ่าน 7-อีเลฟเว่นได้อีกกว่า 10% พร้อมช่วยเพิ่มและแชร์ฐานผู้บริโภคเดิมของทั้ง 2 แบรนด์ให้เข้าถึงสินค้าได้มากขึ้น
นายอภิรักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปี 2567 นี้ วี ฟาร์ม ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้จำนวน 250 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มียอดจายจำนวน 200 ล้านบาท จาก 3 ผลิตภัณฑ์หลัก โดยสัดส่วนมาจากผลิตภัณฑ์ข้าวโพด 55-60% น้ำนมข้าวโพดสัดส่วน 20%
ขนมขบเคี้ยวหรือ Snack จากการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในหลายท้องที่ทั่วทุกภาค ไม่ว่าจะเป็นการรับซื้อข้าวโพดหวาน กล้วยหอมทอง หรือกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง ภายใต้แบรนด์ TA-KRA(ตะกร้า)
และวัตถุดิบทางการเกษตรอื่นๆที่จะตามมา โดยทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนในหลายพื้นทีสัดส่วน 15-16% ส่วนที่เหลือเป็นการขายผ่านโมเดิร์นเทรดและส่งออก
ซึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ วี ฟาร์ม กว่า 95% ผ่านช่องทาง 7-อีเลฟเว่น ทั้งนี้คาดว่าจากการเปิดตัว น้ำนมข้าวโพด วี ฟาร์ม x ไร่สุวรรณ
จะส่งผลให้สัดส่วนยอดขายของน้ำนมข้าวโพดปรับเพิ่มเป็น 25% ในปี 2568 ส่วนผลิตภัณฑ์ข้าวโพดลดลงเหลือ 50% และ Snack มีสัดส่วนที่ 15-20%
สำหรับแผนงานขยายตลาดต่างประเทศปัจจุบันเป็นการส่งออกในกลุ่ม CLMV และมาเลเซีย ทั้งนี้ วี ฟาร์ม วางแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มอาเซียน บวก 3 ทั้งจีน เกาหลีใต้และญี่ปุ่นด้วย
รวมถึงวางแผนหาพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อผลิตร่วมกัน ในขณะที่ปี 2568 ได้เตรียมขยายกำลังการผลิตโดยการว่าจ้างโรงงานผลิตหรือ OEM ร่วมกับพันธมิตรแบบ Exclusive ต่อไป
ด้าน รศ. ดร.ธานี ศรีวงศ์ชัย คณบดีคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเติบโตของเทรนด์การบริโภคสินค้าเกษตรที่เข้าสู่เจเนอเรชันใหม่ๆ เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ ในฐานะผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ไร่สุวรรณ เล็งเห็นถึงโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งกลยุทธ์หลักในการขยายตลาดของปีนี้คือ ความร่วมมือกับบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยแบรนด์ วี ฟาร์ม ที่มีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคที่กว้างขวาง และนำเสนอสินค้าเกษตรเรือธงอย่างข้าวโพดพันธุ์อินทรี 2 ที่มีรสชาติหวาน หอม สดใหม่ มากด้วยคุณประโยชน์
นำไปแปรรูป และรังสรรค์เป็นสินค้าพิเศษ ที่มีรสชาติอันโดดเด่น แตกต่างจากน้ำนมข้าวโพดทั่วไป ความร่วมมือกับแบรนด์ วี ฟาร์มในครั้งนี้ เป็นการทำตลาดเชิงรุกครั้งใหญ่ ที่จะทำให้คนทั่วประเทศได้มีโอกาสรู้จัก และเข้าถึงแบรนด์ไร่สุวรรณ
พร้อมทั้งช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายจากเดิมที่จำกัดเพียงที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สู่โมเดิร์นเทรดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มทั้งประเทศ
“ความร่วมมือในครั้งนี้ช่วยเปิดโอกาสให้คนไทยทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ได้รู้จัก และทดลองชิมข้าวโพดหวานคุณภาพจากไร่สุวรรณ เป็นการช่วยสร้างตลาดให้เกษตรกรในท้องที่ได้กระจายผลผลิตในวงกว้างขึ้นจากเดิม
โดยที่ทางแบรนด์วี ฟาร์มในฐานะผู้นำตลาดน้ำนมข้าวโพดในโมเดิร์เทรดเป็นผู้ช่วยเติมเต็มด้วยเทคโนโลยีการผลิต พร้อมศักยภาพการกระจายสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคหลากหลายช่วงวัย ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดในอนาคตได้อีกมาก
ความร่วมมือนี้จึงนับเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มความยั่งยืนให้กับสมาชิกเกษตรกรในเครือข่ายของศูนย์วิจัยข้าวโพด และข้าวฟ่างแห่งชาติ (ไร่สุวรรณ) ต่อเนื่องถึงโอกาสขยายพื้นที่ปลูกใหม่ๆ ของสินค้าเกษตรที่เป็นที่นิยมในการบริโภค และมีมูลค่าสูง" รศ. ดร.ธานี กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
การดึงพันธมิตรอย่างวี ฟาร์ม เข้ามาร่วมขยายช่องทางการจัดจำหน่ายแบรนด์ไร่สุวรรณยังเป็นการสร้างโอกาสจากเดิมที่เน้นการวิจัยเพื่อสังคม ให้ก้าวสู่โอกาสในเชิงพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ตลาดในประเทศ
แต่ยังอาจครอบคลุมถึงโอกาสการส่งออก และเข้าถึงผู้บริโภคในต่างประเทศด้วยสินค้าเชิงสร้างสรรค์-สินค้านวัตกรรม นอกจากนี้ยังทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักกับข้าวโพดหวานคุณภาพจากไร่สุวรรณมากขึ้น
ตลอดจนกระตุ้นดีมานด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และน้ำนมที่ทำจากพืช (Plant-based Milk) ให้เติบโตอย่างกว้างขวาง และกระตุ้นให้ผู้บริโภคได้ทราบถึงประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการที่มีไม่แพ้เครื่องดื่มชนิดอื่นๆ
30 สิงหาคม 2567
ผู้ชม 428 ครั้ง