ทาทา สตีล (ประเทศไทย) โช่ว์ผลงานกำไรต่อเนื่อง ไตรมาส1ปี68   

   ทาทา สตีล (ประเทศไทย) โช่ว์ผลงานกำไรต่อเนื่อง ไตรมาส1ปี68 

   วางกลยุทธ์สู้เหล็กจีนทะลัก-รุก!ส่งออก-โครงการรัฐพลิกยอดขายโต

                                    
   บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 บริษัทได้รายงานผลกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 93 ล้านบาทในช่วงเดือนเมษายน–มิถุนายน 2567 

   เทียบกับกำไร 200 ล้านบาทในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 และกำไร 48 ล้านบาทในช่วงเดือนเมษายน–มิถุนายน 2566 โดยกำไรสำหรับไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม 2567 รวมกำไร 220 ล้านบาท จากการขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้งานโครงการเตาถลุง Mini Blast Furnace (MBF)

   มร. ตารุน ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปริมาณการขายในไตรมาสที่ 1 ของปีการเงิน 2568 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 อยู่ที่ 309,000 ตัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

   เนื่องจากยอดขายเหล็กลวดในประเทศและการส่งออกที่สูงขึ้นจำนวน 55,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 13% โดยบริษัทยังคงสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 10-15% ต่อปี อย่างไรก็ตามปริมาณการขายในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2567 ต่ำกว่าไตรมาสก่อนหน้าคือในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2567  

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

   ภาคธุรกิจเหล็กในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ซบเซา ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานที่ลดลง ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2024 การบริโภคเหล็กทรงยาวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.7 เหลือ 2.476 ล้านตัน

   ขณะที่ปริมาณการบริโภคเหล็กรวมลดลงจากปีก่อนร้อยละ 6.9 ตลาดภายในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมก็อยู่ภายใต้แรงกดดันจากการนำเข้าของจีนเช่นกัน 

   ทั้งนี้การใช้จ่ายของโครงการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานที่นำโดยรัฐบาลคาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 จากการเริ่มมีการเบิกจ่ายงวดตามงบประมาณอีกครั้ง คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายเหล็กภายในประเทศไทยพลิกกลับมาเติบโตและอยู่ในระดับเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมาที่ 16.3 ล้านตัน

   ซึ่งก็จะส่งผลต่อการเติบโตของ ทาทา สตีล เช่นกันในฐานะผู้นำและครองส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับ 1 แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเหล็กจีนจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น

   โดยที่มีการส่งออกต่างประเทศมากที่สุดในรอบ 8 ปี แต่ทั้งนี้บริษัทใช้กลยุทธ์เรื่องคุณภาพและการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการในการทำตลาดภายในประเทศและต่างประเทศเพื่อแข่งขันกับเหล็กจีน