"จอยแอนด์คอยน์" รุกฆาต!ดิจิทัลโกอินเตอร์
"จอยแอนด์คอยน์" รุกฆาต!ดิจิทัลโกอินเตอร์
"จอยแอนด์คอยน์" รุกฆาต!ดิจิทัลโกอินเตอร์
ปักหมุด!ออนไลน์-ดร็อบ!ลงทุนสาขาลดต้นทุน
ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(J&C) และบริษัทในเครือ เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาธุรกิจขายตรงในยุคดิจิทัล โดยได้มีการปรับปรุงแอปพลิเคชั่นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ อีมาร์เก็ต เพลส เพื่อให้เป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ที่สามารถให้บริการและตอบสนองความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้องทางธุรกิจได้อย่างครบวงจรทั้งซัพพลายเออร์ เจ้าของธุรกิจและลูกค้าได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้ากว่า 30,000 รายการ ชำระเงินและรับสินค้า รวมถึงการสมัครสมาชิกและหาสมาชิกใหม่
อย่างไรก็ตามช่องทางการตลาดออนไลน์นี้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจ รู้จักและยอมรับผลิตภัณฑ์ของ จอยแอนด์คอยน์ อยู่แล้ว และเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งแบบกลุ่มธุรกิจหรือโมเดืร์น เทรดแบบ B to B และกลุ่มเป้าหมายรายบุคคลทั่วไปหรือ B to C ควบคู่กันไปด้วย ในขณะที่ช่องทางออฟไลน์ผ่านทางสาขานั้นกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าใหม่ที่ยังไม่รู้จักผลิตภัณฑ์และบริษัทมากนักดังนั้นจึงต้องมีการอธิบายจากนักขายเป็นรายบุคคลเพื่อสร้างความสัมพันธ์และตอบโจทย์การขายสินค้า
ดร.สมชาย กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ปัจจุบัน จอยแอนด์คอยน์ มีสัดส่วนยอดขายกว่า 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาจากช่องทางออนไลน์ที่ 40% และช่องทางออฟไลน์หรือสาขาที่ 60% อย่างไรก็ตามในอนาคตธุรกิจขายตรงก็ต้องมีการปรับตัวทางธุรกิจให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลที่ต้องมีการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีมารองรับการทำตลาดและการขายผ่านออนไลน์โดยไม่ต้องผ่านสามารถและสามารถเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจและการขายไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทั่วโลก ในขณะที่การมีช่องทาง E-Wallet ก็เปรียบเสมือนการมีสาขาเคลื่อนที่ทางออนไลน์ได้เช่นกัน
“จอยแอนด์คอยน์ มองเทรนด์การทำตลาดขายตรงออนไลน์ในอนาคตเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงได้ทั่วโลก โดยได้มีการศึกษาระบบ Digital Lending Platform การซื้อขายผ่านเงินดิจิทัลหรือ คริปโต เคอเรนซี่ Cryptocurrency การระดมทุนแบบ Initial Coin Offering (ICO) ที่มีหลักฐานยืนยันตัวตนผ่านระบบ KYC (Know your customer)
ซึ่งทาง จอยแอนด์คอยน์ ก็ได้มีการยื่นขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่นี้กับทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เช่นกัน ทั้งนี้เพราะปัจจุบัน จอยแอนด์คอยน์ ก็เริ่มมีการเปิดตลาดไปยังยุโรปแล้วโดยผ่านทางสมาชิกคนไทยที่ไปอยู่ในต่างประเทศและได้มีการดำเนินธุรกิจร่วมกับ จอยแอนด์คอยน์ เพื่อขายสินค้าให้กับชาวต่างชาติแล้ว ” ดร.สมชาย กล่าวและเพิ่มเติมว่า
แนวทางดังกล่าวนี้ก็สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ จอยแอนด์คอยน์ ในการปรับตัวที่จะลงทุนเองในเรื่องของสาขาลดลงจากปัจจุบันที่มีอยู่ 100 สาขา ก็ลดสาขาให้มีเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ เหลือ 35 สาขา ส่วนสาขาอื่นๆ ก็เปิดโอกาสให้สมาชิกหรือนักขายได้เป็นเจ้าของธุรกิจด้วยตนเอง ทั้งนี้เพราะจากการดำเนินตามกลยุทธ์ดังกล่าวปรากฎว่าส่งผลให้ยอดขายที่สมาชิกเป็นเจ้าของธุรกิจนั้นมีอัตรการเติบโตถึง 4 เท่า ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายสาขาที่สมาชิกเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่จำนวน 200-300 สาขา
15 มีนาคม 2561
ผู้ชม 520 ครั้ง