เบนเข็ม! ปรับเกณฑ์ภาษี/ลงทุน กองทุน TESG ดัน!ดัชนีหุ้นไทย
เบนเข็ม! ปรับเกณฑ์ภาษี/ลงทุน กองทุน TESG ดัน!ดัชนีหุ้นไทย
เบนเข็ม! ปรับเกณฑ์ภาษี/ลงทุน กองทุน TESG ดัน!ดัชนีหุ้นไทย
เพิ่มแตะระดับ300,000บ.-ลดเหลือ5ปี-ดูด!เม็ดเงินเฉียด30,000ลบ.
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แถลงข่าวร่วม 3 หน่วยงาน "มาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน" โดยมี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร
เข้าร่วมงานแถลงข่าว ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายพิชัย กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 0.4% จากปกติที่เศรษฐกิจไทยไม่ควรเติบโตต่ำกว่า 3.5% ในขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2567 จีดีพีไทยเติบโตที่ 1.5% ทั้งนี้คาดว่าสิ้นปี 2567 จีดีพีจะเติบโตที่ 2.5%% จากจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวน 35 ล้านคน
และคาดว่าในปี 2568 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 3% จากการเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในตลาดทุนไทยที่เดิมคาดว่าจะอยู่ในระดับ 1,800 จุด
แต่ก็ไม่สามารถไปถึงระดับนั้นได้เนื่องจากหุ้นในตลาดไม่สามารถตอบสนองและผลักดันการเติบโตของดัชนี ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อะุรกิจเอสเอ็มอีด้วย
ดังนั้นจึงได้มีการหารือร่วมกันเพื่อหามาตรการในการกระตุ้นตลาดทุนไทย ทั้งการปรับเกณฑ์จำนวนเงินลงทุนและมาตรการภาษีในกองทุน TESG รวมถึงแนวทางในการนำแนวทางการจัดตั้ง "กองทุนวายุภักษ์" ขึ้นมาใหม่ด้วย
นางพรอนงค์ กล่าวว่า สำหรับการปรับเกณฑ์การลงทุนในกองทุน TESG ใหม่ในครั้งนี้ได้เพิ่มจำนวนเงินลงทุนและการลดหย่อนภาษีจาก 100,000 บาท เป็น 300,000 บาท และลดระยะเวลาการลงทุนจาก 8 ปี เหลือ 5 ปี
โดยให้มีผลบังคับย้อนหลังไปตั้งแต่การลงทุนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ทางภาษีจากมาตรการดังกล่าวนี้จำนวน 13,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้
นอกจากนั้นยังได้มีการปรับเกณฑ์ในการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนในกองทุน TESG จากเดิมที่ใช้เพียงเกณฑ์ตัว E ที่มีบริษัทที่สามารถลงทุนได้ 128 บริษัท
ก็เพิ่มมาเป็นบริษัทที่เข้าเกณฑ์ตัว G เพิ่มเติมด้วย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนที่กองทุน TESG สามารถเข้าไปลงทุนเพิ่มเติมได้อีกจำนวน 200 บริษัท
โดยคาดว่าจากการปรับเกณฑ์ใหม่ในครั้งนนี้จะส่งผลให้มีเงินเข้ามาลงทุนในกองทุน TESG โดยเฉพาะจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในแต่ละเดือนจำนวน 6,000 ล้านบาท หรือกว่า 30,000 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้
"ทั้งนี้จากการศึกษาการลงทุนของกองทุน LTF พบว่า ทุกๆ การลงทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพ่ิมขึ้นไปกว่า 25-27 จุด" นางพรอนงค์ กล่าวย้ำ
นายภากร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ประกอบกับกลุ่มธุรกิจพลังงานและการเงินที่เป็นกลุ่มหลักของตลาดทุนไทยก็ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่เช่นกัน
25 มิถุนายน 2567
ผู้ชม 39 ครั้ง