บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ขยายตัว
บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ขยายตัว
บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 1/67 ขยายตัว
ยอดขายไฟฟ้าโต ลุยเพิ่มกำลังผลิตทั้งใน-ต่างประเทศ
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 488 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 380 ล้านบาท
โดยมีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ที่ 379 ล้านบาท ลดลงจาก 400 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งเป็นรายการที่ไม่กระทบกระแสเงินสดจากการแปลงมูลค่าเงินกู้ยืมสกุลดอลลาร์สหรัฐด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นงวด
บี.กริม เพาเวอร์ มีรายได้จากการขายและการให้บริการที่ 14,165 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 10.7% เป็น 3,624 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งเป็นผลจาก 1. ปริมาณไฟฟ้าที่ขายในไตรมาส 1 ปรับเพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 3,743 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น 17.4%
จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า SPP 3 โครงการ ในเดือนมีนาคม 2566 และไตรมาสที่ 4 ปี 2566 รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 420 เมกะวัตต์, ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเพิ่มขึ้น 2.2%
และปริมาณไฟฟ้าขายให้แก่ลูกค้า IUs ในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น 10.2% และ 2. ปริมาณไอน้ำที่ขายให้แก่ลูกค้า IUs ในประเทศเพิ่มขึ้น 20.5% เทียบกับจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1/2567 บี.กริม เพาเวอร์ ได้เชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ในประเทศไทย จำนวน 6 เมกะวัตต์ จากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
และในเดือนมีนาคม 2567 B.Grimm Power Korea (บริษัทย่อย) ยังได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจำนวน 2 แห่ง คิดเป็นกำลังผลิตติดตั้งรวม 740 เมกะวัตต์
ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พัฒนาโดยบริษัทเอกชนในสาธารณรัฐเกาหลีที่ได้รับอนุมัติการก่อสร้างโครงการในปี 2567
ในเดือนเมษายน 2567 บี.กริม เพาเวอร์ ได้เข้าซื้อหุ้น 40% ใน ThreeEightSix Holdings Ltd. เพื่อประกอบธุรกิจและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา
กำลังการผลิตรวม 33.7 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศบาห์เรน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลางในอนาคต
นอกจากนั้น บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ฟิวเจอร์ โซลูชั่น จำกัด (บริษัทย่อย) ได้ร่วมกับบริษัท สยามซิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 100%)
จัดตั้งบริษัท อินทรี บี.กริม โซล่าร์ จำกัด (IBS) โดย บี.กริม เพาเวอร์ ฟิวเจอร์ โซลูชั่น จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 25% เพื่อประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้ง 80 เมกะวัตต์
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับทิศทางในปี 2567 บี. กริม เพาเวอร์ กำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน อู่ตะเภา เฟสหนึ่ง
2. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GIFU ในประเทศญี่ปุ่น และ 3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม แบบติดตั้งบนบก KOPOS ในสาธารณรัฐเกาหลี และในระยะยาว
ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี 2593 การขยายพอร์ตสู่กำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ในปี 2573
14 พฤษภาคม 2567
ผู้ชม 43 ครั้ง