สถิติ

66774049

ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ผนึก! ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

หมวดหมู่: CSR

   ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย ผนึก! ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

   ยกระดับ!การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ผ่านโครงการ"วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" 

   บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทยและอินโดไชน่า ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย

   ประกาศความร่วมมือภายใต้โครงการ วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ ประจำปี 2567 (One Suntory Mizuiku Program 2024) เป็นครั้งแรก

   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของทั้งสองบริษัท มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน

   ผ่านการจัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” และ การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” ประจำปี 2567 ตลอดจนกิจกรรมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้แก่คนในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทได้มีส่วนร่วม 

   นางสาวณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และอินโดไชน่า กล่าวว่า ซันโทรี่ ริเริ่มโครงการ "มิซุอิกุ" ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2547

   ก่อนจะขยายไปในอีกกว่า 8 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น "มิซุ" หมายถึง "น้ำ" และ "อิกุ" หมายถึง "การให้ความรู้" โครงการมุ่งส่งเสริมให้คนในประเทศนั้นๆ

   โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม รวมถึงสอนให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของตนเองที่สามารถมีส่วนร่วมอนุรักษ์น้ำได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและส่งต่อให้คนรุ่นหลังต่อไป

   โดยในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษ ครบรอบ 20 ปี ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ "มิซุอุกิ" ในประเทศญี่ปุ่น และเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

   ที่จะร่วมกันดำเนินโครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" ประจำปี 2567 เพื่อร่วมกันเสริมสร้างองค์ความรู้และสานต่อกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

   ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคม ตอกย้ำค่านิยมองค์กร คือ "การเติบโตอย่างยั่งยืน" (Growing for Good) และ "การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม" (Giving Back to Society)

   โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำประจำปี 2567 ได้รับเกียรติจากภาคีภาครัฐร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

   อีกทั้งยังผนึกกำลังกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Centre) องค์กรที่มุ่งหวังในการส่งเสริมให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม

   ร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจในการจุดประกายให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ซึ่งรูปแบบกิจกรรมหลัก ได้แก่ 

  • กิจกรรมค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” (Mizuiku Water Hero Camp) คัดเลือกโรงเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ระยองและชลบุรี รวมทั้งสิ้น 30 โรงเรียน โดยมีแกนนำนักเรียน ตัวแทนคุณครู และพนักงานจิตอาสาจากทั้งสองบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 4 -6 มิถุนายน 2567 ณ จังหวัดระยอง เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เข้าใจวัฏจักรของน้ำ และปัญหาของน้ำที่พบในท้องที่ ส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจําวัน
  • การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ(Mizuiku Water Model School) โดยหลังจากจบกิจกรรมค่ายฯ ทางโครงการฯ มีเงินสนับสนุนให้โรงเรียนละ 10,000 บาท เพื่อให้เสนอแผนงานและแข่งขันดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียน ให้ครอบคลุม 4 ด้าน คือด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการขยายผลสู่ชุมชน พร้อมทั้งจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ
  • คัดเลือก 1 โรงเรียนต่อจังหวัดเป้าหมาย เป็น โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุและได้เดินทางไปดูต้นกำเนิดโครงการ มิซุอิกุ ณ ประเทศญี่ปุ่น    

   ด้าน นางสาววิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เพราะ "น้ำ" คือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่งต่อทุกชีวิต

   บริษัทจึงขับเคลื่อนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ "มิซุอิกุ" ตั้งแต่ปี 2562  ซึ่งถือเป็นบริษัทลำดับที่สอง ในเครือ ซันโทรี่ กรุ๊ป ที่ดำเนินโครงการ "มิซุอิกุ" นอกประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันเริ่มต้นของโครงการจนถึงปัจุบัน

   หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ เยาวชน ชุมชน และพนักงานในบริษัทของเรา เพราะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทได้ร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมหลายหน่วยงานตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา

   ในการส่งมอบองค์ความรู้เรื่องความสำคัญของทรัพยากรน้ำ โดยมีนักเรียนกว่า 20,250 คน จาก 345 โรงเรียน เข้าร่วมโครงการ "มิซุอิกุ" นอกจากนี้บริษัทยังมอบเงินทุนให้แก่โรงเรียน

   เพื่อบูรณาการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่างๆ ของโรงเรียน รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านกิจกรรม "อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ" อาทิ การสร้างฝาย ปลูกหญ้าแฝก และฟื้นฟูระบบนิเวศของป่า

   พร้อมกันนี้ยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุกๆ ปี จากการปลูกฝังความรู้สู่การลงมือปฏิบัติ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

   "ด้วยองค์ความรู้และการสนับสนุนที่ดียิ่งจากหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐ โครงการ วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 ของ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด และ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด

   จะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่การลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยของเรา” นางสาววิภาวรรณ กล่าวย้ำ 

   นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำ คือการกำกับ ควบคุม อนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศ

   ทั้งนี้การส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมให้ความรู้และกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชนในการอนุรักษ์น้ำ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมฯ เนื่องด้วย กรมฯ เล็งเห็นว่าเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะต้องเร่งปลูกฝังและเสริมสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

   เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของชาติและจะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการดูแลทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการดำเนินงานของโครงการ "มิซุอิกุ" ที่ผ่านมา มีความสอดคล้องกับภารกิจดังกล่าวของกรมทรัพยากรน้ำเป็นอย่างยิ่ง

   ดังนั้นในปี 2567 นี้ จะยังให้ความร่วมมือและเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของโครงการ เพื่อร่วมปลูกจิตสำนึกที่ดีในหมู่เยาวชนให้ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป

   ส่วน นายวัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจในการเสนอแนะและจัดทำนโยบาย แผน และมาตรการ เกี่ยวกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ

   ซึ่งการดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558-2593 ในการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการ ในการสร้างความตระหนักรู้และเสริมศักยภาพ

   กรมฯ มีบทบาทในการสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชน โดยในด้านทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนและส่งเสริมแนวทางการดูแลรักษาแม่น้ำคูคลอง

   ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสิ่งแวดล้อมศึกษาและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาด้านการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านกิจกรรมมากมาย 

   ซึ่งมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนโครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" ทั้งในส่วนของข้อมูลและองค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินกิจกรรม เพื่อร่วมสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

             

   อีกหนึ่งพันธมิตรภาครัฐ ดร.ชานัน ติรณะรัต ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่จัดการและควบคุมมลพิษทางน้ำโดยตรง กรมควบคุมมลพิษตระหนักดีว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแบบองค์รวมจะต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

   สิ่งแรกที่ควรเน้นย้ำและปลูกฝังคือทัศนคติและองค์ความรู้ของผู้คน โดยเฉพาะกับเยาวชนที่จะเติบโตเป็นพลเมืองของสังคม โดยผ่านกระบวนการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของน้ำ การอนุรักษ์น้ำในชีวิตประจำวัน

   โครงการ "วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ" ประจำปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาทักษะของเยาวชนในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำในโรงเรียนและชุมชนของตน รวมถึงปลูกจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

   นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาให้ความสำคัญกับการทำงานในเรื่องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติร่วมกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติ 

   "ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ" (Mizuiku Water Hero Camp) จะช่วยให้เยาวชนในพื้นที่มีความเข้าใจว่าการดำรงชีวิตของตัวเอง สร้างผลกระทบอะไรให้กับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการดูแลสิ่งแวดล้อมในสังคมของเยาวชน

   ซึ่งกิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาเด็กๆ จะได้เรียนรู้ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ด้วยแนวคิดการเรียนรู้แบบการลงมือทําจริงที่สอดแทรกความสนุกสนาน

   โดยมีตนเป็นผู้นำกิจกรรม พร้อมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอีกหลายท่าน ภายใต้คอนเซปต์ “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา” เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของน้ำในทุกมิติ

22 มีนาคม 2567

ผู้ชม 70 ครั้ง

Engine by shopup.com