กลุ่มบริษัทเอไอเอ โชว์ผลงานแกร่งปี 2566
กลุ่มบริษัทเอไอเอ โชว์ผลงานแกร่งปี 2566
กลุ่มบริษัทเอไอเอ โชว์ผลงานแกร่งปี 2566
มูลค่าธุรกิจใหม่โต33% แตะเลขสองหลักใน10ตลาด
คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอ (“บริษัท”) มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566
อัตราการเติบโตรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:
ผลประกอบการของธุรกิจใหม่
- มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็น 4,034 ล้านเหรียญสหรัฐ
- จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง อาเซียน และอินเดีย มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก
- เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เป็นสถิติใหม่ มูลค่า 7,650 ล้านเหรียญสหรัฐ
- อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เป็นร้อยละ 6 โดยครึ่งปีหลังเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก
รายได้และทุน
- กำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit) มูลค่ารวมเป็น 8,890 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 ต่อหุ้น
- อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (ROEV) เป็นร้อยละ 9 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากร้อยละ 9.4 ในปี 2565
- กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) อยู่ที่ 6,213 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ต่อหุ้น ภายใต้หลักพื้นฐานการดำเนินงาน
- ส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) อยู่ที่ 6,041 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อหุ้น
- ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ก่อนคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน จำนวน 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ; ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) อยู่ที่ 70,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 ต่อหุ้น
- เงินกองทุนส่วนเกิน เป็นมูลค่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566
- อัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) แข็งแกร่งมากและครอบคลุมอัตราส่วน ร้อยละ 275 ตามเกณฑ์ GWS และร้อยละ 335 ตามเกณฑ์ผู้ถือหุ้น
เงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืน
- เงินปันผลประจำปีจำนวน 07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
- เงินปันผลรวมจำนวน 36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5
- ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านโครงการซื้อหุ้นคืนรวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า เอไอเอ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงมีผลการดำเนินงานทางการเงินโดยรวมที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงผลักดันทางธุรกิจที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ของโรคระบาด
เห็นได้จากเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ในประวัติการณ์ และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 เป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ พอร์ตโฟลิโอ ธุรกิจที่หลากหลายและช่องทางการขายที่โดดเด่นสามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่สูงขึ้นจากตลาดหลักในอาเซียน ฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และอินเดีย รวมถึงการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักใน 10 ตลาด
“ด้วยความมีวินัยทางการเงินที่สม่ำเสมอ และความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างมีคุณภาพของเอไอเอนั้น ได้ส่งเสริมการเติบโตของตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญอื่นๆ ทั้งหมด เช่นการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานบนมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Operating Profit)
ส่วนทุนตามมูลค่าธุรกิจประกันภัย (EV Equity) กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) รวมไปถึงส่วนที่เพิ่มขึ้นของเงินกองทุนส่วนเกิน (UFSG) บนพื้นฐานต่อหุ้น โดย EV Equity เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เป็นมูลค่า 76,100 ล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนหักส่วนที่คืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นโดยการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนจำนวน 5,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือได้ว่าสถานะเงินทุนของเอไอเอยังคงแข็งแกร่งมาก
โดยมีเงินกองทุนส่วนเกินเป็นมูลค่า 16,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และอัตราส่วนของวิธีผลรวมเงินกองทุนของแต่ละประเทศของกลุ่มบริษัท (Group LCSM) ครอบคลุมอัตราส่วนร้อยละ 275
คณะกรรมการได้แนะนำให้จ่ายเงินปันผลประจำปีจำนวน 119.07 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้ยอดเงินปันผลรวมอยู่ที่ 161.36 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2565
โดยเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งจะผลักดันให้มีโอกาสเติบโตในอนาคตและความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัท
“ผลประกอบการธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมของเอไอเอได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มการขายที่ทรงพลังและไม่มีใครเทียบได้ โปรแกรมพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่แตกต่างเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญสำหรับเอไอเอ
และสามารถสร้างการเติบโตมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอที่ยอดเยี่ยมถึงร้อยละ 23 โดยได้แรงหนุนจากทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานและอัตราผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ช่องทางการขายผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่กว้างขวางสามารถช่วยให้เราขยายการเข้าถึงตลาดและสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 โดยได้รับแรงส่งเสริมจากผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งพันธมิตรธนาคารและช่องทางของที่ปรึกษาด้านประกันชีวิตและการเงิน (IFA)" นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าาวย้ำและเพิ่มเติมว่า
สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตเชิงบวกของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ร้อยละ 20 ตลอดปี 2566 โดยมองเห็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมเมื่อผลกระทบจากการแพร่ของโรคระบาดลดลง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม
โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นของแบบประกันสะสมทรัพย์ระยะยาวและการปรับราคาผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2566
“ตัวแทนในพรีเมียร์ เอเจนซี่ ของเอไอเอ ประเทศจีน ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นอัตราเลขสองหลักทั้งจากการดำเนินงานในตลาดที่มีอยู่และตลาดใหม่
โดยมีผลมาจากความมุ่งมั่นในกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ ซึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพและการพัฒนาตัวแทนใหม่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เราเริ่มขยายภูมิภาคใหม่ ในปี 2562
ขณะนี้ได้ขยายฐานธุรกิจของเอไอเอ ประเทศจีน เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใน 10 ภูมิภาค หลังจากเปิดตัวการดำเนินงานใหม่ในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนานในเดือนพฤษภาคม ปี 2566 โดยการจำลองโมเดลและขยายการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
ตลาดใหม่ได้สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ถึงร้อยละ 55 เพิ่มขึ้นในปี 2566 และมีส่วนสนับสนุนในการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่เกินกว่าร้อยละ 5 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ทั้งหมดที่มาจากช่องทางตัวแทนของเอไอเอ ประเทศจีน ในช่วงครึ่งปีหลัง
จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงมอบโอกาสมหาศาลสำหรับการประกันชีวิตและสุขภาพ ในปี 2566 เอไอเอ ประเทศจีน ได้กระชับความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารเชิงกลยุทธ์และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) จากการขายผ่านช่องทางธนาคารมากกว่าสามเท่า
การลงทุนร้อยละ 24.99 ใน China Post Life ช่วยทำให้ได้รับมูลค่าที่สำคัญจากกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมที่สามารถส่งเสริมกลยุทธ์ของ เอไอเอ ประเทศจีน เป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะไม่รวมอยู่ในผลลัพธ์ของมูลค่าธุรกิจใหม่ แต่ China Post Life ได้รายงานการเติบโตถึงร้อยละ 17 เมื่อเทียบแบบปีต่อปีของมูลค่าธุรกิจใหม่ในปี 2566" นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ส่วน เอไอเอ ฮ่องกง ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 82 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในประเทศและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ (Mainland Chinese Visitor-MCV)
รวมถึงช่องทางการขายผ่านตัวแทนและพันธมิตร มูลค่าธุรกิจของฮ่องกงเป็นส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ของกลุ่มบริษัทมากที่สุดในปี 2566 เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการที่แข็งแกร่งของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากกลับมาเดินทางตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566
โดยยังคงเพิ่มจำนวนตัวแทนที่ทำผลงานอย่างต่อเนื่องและทำงานอย่างใกล้ชิดกับช่องทางพันธมิตรเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ยั่งยืนและเติบโตจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของเอไอเอ ฮ่องกง กว่าครึ่งหนึ่งในปี 2566
“ตลาดใหญ่ที่สุดของการดำเนินธุรกิจในอาเซียนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงสร้างสถิติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ร้อยละ 21
ผลการดำเนินงานของธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยมนั้นได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของตัวแทนซึ่งถือเป็นผู้นำในตลาด และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงเทพ
นอกจากนี้การดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี่ ยังได้ช่วยผลักดันให้จำนวนตัวแทนใหม่มีการเติบโตอย่างดีเยี่ยมในอัตราเลขสองหลักทั้งใน่จำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน รวมถึงผลิตภาพของตัวแทน" นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ในสิงคโปร์ เอไอเอ สามารถสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตได้ร้อยละ 10 ในปี 2566 การมุ่งเน้นของเราในการสรรหาตัวแทนและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ช่วยให้สามารถเพิ่มจำนวนการรับสมัครใหม่ได้อย่างแข็งแกร่งและยกระดับผลผลิตของตัวแทนให้สูงขึ้นด้วย เอไอเอ สิงคโปร์ ยังคงมีสถิติการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมภายใต้ช่องทางความร่วมมือกับพันธมิตร
โดยได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมของซิตี้แบงก์ และธุรกิจใหม่จากพันธมิตรอื่นๆ ซึ่งเรามุ่งเป้าที่ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและลูกค้าสินทรัพย์สูง
เอไอเอ มาเลเซีย รายงานการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) สูงขึ้นร้อยละ 7 ซึ่งมาจากทั้งช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร การยกระดับข้อเสนอซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านความคุ้มครองได้เป็นอย่างดี สนับสนุนให้กิจกรรมของตัวแทนและผลผลิตของพรีเมียร์ เอเจนซี่ เพิ่มสูงขึ้น
ในด้านธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ที่ได้รับความร่วมมือกับ Public Bank ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2566 โดยได้ร่วมมือกันเพื่อเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าธนาคารที่มีสินทรัพย์สูง รวมทั้งเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัย
“มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของกลุ่มตลาดอื่นๆ มีเสถียรภาพในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 การเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มนี้ถูกชดเชยด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ลดลงจากเวียดนาม ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเชิงลบยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันชีวิตในเวียดนามตลอดทั้งปี ทั้งนี้หากไม่รวมเวียดนาม ตลาดอื่นๆ ทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 15 ในปี 2566
ทาทา เอไอเอ ไลฟ์ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งปีในทุกช่องทางการขาย และติดอันดับบริษัทประกันชีวิตเอกชนรายใหญ่อันดับสามในอินเดียในปี 2566 อีกด้วย" นายหลี่ หยวน ชยอง กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
เอเชียเป็นภูมิภาคที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกสำหรับด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ความต้องการและแนวโน้มด้านประชากรศาสตร์ที่สำคัญซึ่งนับเป็นแรงสนับสนุนอันทรงพลังสำหรับโอกาสระยะยาวของธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาค
มมั่นใจว่าความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป และข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ชัดเจน กลไกการเติบโตที่หลากหลาย
และความยืดหยุ่นทางการเงินที่ไม่มีใครเทียบได้จะช่วยให้เอไอเอสามารถสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ขณะเดียวกันยังคงมุ่งมั่งสนับสนุนผู้คนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา "Healthier, Longer, Better Lives"
17 มีนาคม 2567
ผู้ชม 219 ครั้ง