สถิติ

66755104

"MGC-ASIA" ผนึกกำลัง!กลุ่ม ปตท. รุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

   "MGC-ASIA" ผนึกกำลัง!กลุ่ม ปตท. รุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า

   ตั้งNEO MOBILITY ASIA ปั้น!ยอดขายโต20%แตะ30,000ลบ.

  

   บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA ประกาศแผนยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการเติบโต
ปี
2567 โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่ง 4 กลุ่มธุรกิจภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem

   ขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ สร้าง New S-curve รับเมกะเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าเติบโต ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท อรุณ พลัส จำกัด บริษัทในเครือกลุ่ม ปตท. ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ดำเนินธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร

   เชื่อมโยงระบบนิเวศทางธุรกิจระหว่างกันผ่านการ Synergy ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ปั้นรายได้ปี 67 30,000 ล้านบาท โตกระฉูด! 20%

   ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทเดินหน้าพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ "MGC-ASIA Ecosystem" เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ ผ่านการขยายฐานสินค้าและสร้างบริการใหม่

   พร้อมแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นแนวหน้าในหลากหลายกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน

   ล่าสุด บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับกลุ่มอรุณ พลัส ซึ่งเป็นบริษัท EV Flagship ดำเนินธุรกิจ EV Value Chain แบบครบวงจร ที่กลุ่ม ปตท.
ถือหุ้น 100% ตั้งบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ในสัดสวนการถือหุ้น 50 : 50

   ดำเนินธุรกิจครอบคลุม 1) ธุรกิจจัดจำหน่าย การตลาด ตัวแทนจำหน่าย และบริการหลังการขายแบบครบวงจร 2) ธุรกิจผลิตยานยนต์ รวมทั้งโอกาสการลงทุนในโรงงานผลิตรถยนต์ 3) ธุรกิจจัดการขยะแบตเตอรี (Battery waste management)

   และโอกาสการลงทุนในโรงงานรีไซเคิลแบตเตอรี (Battery recycling factory) 4) ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ EVme เพื่อเป็นช่องทางการทำการตลาด และการให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครอบคลุมทุกมิติ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

   “การร่วมมือระหว่างกลุ่ม MGC-ASIA กับบริษัท อรุณ พลัส จำกัด บริษัทในเครือกลุ่ม ปตท. นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่จะช่วยรองรับการเปลี่ยนผ่านจากยุคของยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง ไปสู่ยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้า

   โดยการนำ Ecosystem ที่แข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มมาประสานรวมกัน เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Synergy ผนักดันให้เกิด New S-curve จากการมีสินค้าและบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

   และเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจของกันและให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นกลุ่มผู้นำในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตทั่วโลก” ดร.สัณหวุฒิ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   สำหรับปี 2567 กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตโดดเด่นทุกกลุ่มธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของยอดขาย 20% หรือจำนวน 30,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้ 25,000 บาทหรือเติบโต 10% ผ่านกลยุทธ์ขับเคลื่อนแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

   1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) กลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโต
ให้กลุ่มธุกิจ นอกจากนี้กลุ่ม Marine Business ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง โดยมีรายได้ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 168% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

   กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายสร้าง Marine Business Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการรักษาฐานลูกค้าเก่า ขยายฐานลูกค้าใหม่ นำเสนอบริการที่ครอบคลุม รวมทั้งขยายฐานบริการอย่างเต็มรูปแบบ

   โดยกลุ่มบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Azimut Yachts S7 ที่ Ocean Marina Pattaya และ Chris-Craft รุ่นใหม่ ที่โครงการ Riverdale Marina ปทุมธานี

   2) ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่องจากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท

   นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังยานยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้า

   3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Servicesปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ "SIXT" ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มพรีเมียม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น

   โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก. มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565

   นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

   4) กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) สำหรับธุรกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี ก่อนหน้าประมาณ 84%

   โดยฐานลูกค้ากลุ่ม High net worth มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมายที่กำหนด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financing และ Wealth Lending เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร

   โดยในปี 2567 บริษัทฯ วางเป้าหมายรับรู้ผลกำไรสุทธิเป็นปีแรก จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Wealth Lending อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการให้บริการในลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง

   ขณะที่ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า ปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 มีรายได้ 331 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8% และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท

   โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน

   โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พร้อมกำหนดวางกลยุธท์การเติบโตผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ความเสี่ยงทางไซเบอร์, เครดิตการค้า, บริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล

   รวมทั้งการรองรับแนวโน้มด้าน ESG ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญในการให้ความรู้ และให้คำปรึกษาความเสี่ยงด้านสภาพอาหาศการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และประกันภัยคาร์บอนเครดิต เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ในอนาคต

02 มีนาคม 2567

ผู้ชม 1238 ครั้ง

Engine by shopup.com