TGE ลุยลงทุน 10,000 ลบ. รุกผลิตไฟฟ้าแตะ 200 MW ปี 75
TGE ลุยลงทุน 10,000 ลบ. รุกผลิตไฟฟ้าแตะ 200 MW ปี 75
TGE ลุยลงทุน 10,000 ลบ. รุกผลิตไฟฟ้าแตะ 200 MW ปี 75
ประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชน-จับมือพันธมิตร-สยายปีก!อาเซียน
TGE ปักธงผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนของไทย ตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะระดับ 200 เมกะวัตต์ในปี 2575 กางแผนลงทุนโรงไฟฟ้าขยะกว่า 10,000 ล้านบาท ถึงปี70 ปั้นรายได้หลักสัดส่วนกว่า 70%
ฟากซีอีโอ “พงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล”กางแผนธุรกิจปี 67 เดินหน้ารับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง สัญญา 4 ปี 9 เดือนประเมินผลตอบแทนรวม 349.90 ล้านบาท พร้อมลุยเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเพิ่มเติม
เตรียมจับมือพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศเล็งภูมิภาคอาเซียน ลงทุนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาด ผลักดันอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายพงศ์นรินทร์ วนสุวรรณกุล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการ บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทชีวมวลและขยะชุมชนของไทย
โดยคาดว่าภายในปี 2575 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 200 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 76.6 เมกะวัตต์ จากแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าขยะกว่า 9,500-10,000 ล้านบาท ที่ตั้งเป้าให้เป็นรายได้หลักสัดส่วนกว่า 70% ของบริษัทในปี 2570
จากแหล่งเงินทุนที่มาจากสถาบันการเงินสัดส่วน 75% ที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4.5-5% และอีก 25% มาจากเงินทุนบริษัท ทั้งจากการ IPO ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรายได้และการออกวอแรนซ์
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้เริ่มบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งบริษัทฯมีแผนที่จะเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน เพื่อเข้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยเน้นด้านพลังงานสะอาด และสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ สนับสนุนอนาคตให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ล่าสุดบริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าทำสัญญาบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในฐานะผู้รับจ้างกับ บริษัท ท่าฉาง ไบโอแก๊ส จำกัด (TBG) โดยมีระยะเวลาของสัญญา 4 ปี 9 เดือนนับจากวันที่มีผลผูกพันตามสัญญา
โดย TGE จะเข้าบริหารจัดการโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิต 2.8 เมกะวัตต์ และ 4.2 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดย TGE จะได้รับรายได้ในสัดส่วน 50% จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตลอดอายุสัญญา 4 ปี 9 เดือน จาก TBG
ประเมินมูลค่าผลตอบแทนอยู่ที่ 332.40 ล้านบาท รวมกับมูลค่าผลตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าจากก๊าซชีวมวล ระยะเวลา 3 เดือนแรกก่อนเข้าทำสัญญาระยะยาวดังกล่าวอีก 17.50 ล้านบาท
ส่งผลให้มูลค่ารวมสิ่งตอบแทนจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีจำนวน 349.90 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 - วันที่ 31 ธันวาคม 2571
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมอยู่ที่ 76.6 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นธุรกิจพลังงานไฟฟ้าพลังงานชีวมวล มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 29.7 เมกะวัตต์ จำนวน 3 โครงการ ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ใน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
และธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.9 เมกะวัตต์ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว, จังหวัดชุมพร, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดชัยนาท และ จังหวัดสมุทรสาคร
ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปลายปี 2568 รวมทั้งมีธุรกิจรับบริหารจัดการโรงไฟฟ้าชีวภาพ 2 แห่ง ขนาดกำลังผลิตรวม 7 เมกะวัตต์
“TGE มุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และพลังงานจากขยะชุมชน โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และยังศึกษาพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งมีแนวโน้มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ TGE พร้อมสนับสนุนและลงทุนในพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือกที่ลดการเผาไหม้เชื้อเพลิง ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
โดยปัจจุบันบริษัทฯสามารถกักเก็บ Carbon Credit จากโครงการต่างๆ มีปริมาณสะสมประมาณ 120,000 ตัน และสามารถจัดจำหน่ายให้กับองค์กรที่มีความต้องการ อย่างไรก็ตาม จากกลยุทธ์ต่างๆ คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10%” นายพงศ์นรินทร์ กล่าวสรุป
24 มกราคม 2567
ผู้ชม 80 ครั้ง