เปิดค่าเงินบาท"แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย"
เปิดค่าเงินบาท"แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย"
เปิดค่าเงินบาท"แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย"
แตะที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.59 บาทต่อดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.62 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ
ก่อนที่เงินบาทจะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังประธานเฟดไม่ได้กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามเงินบาทยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวมากขึ้น และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันเงินบาท
ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ย่อตัวลงสู่ระดับ 4.50%
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน Chevron -1.4%, Exxon Mobil -1.2% หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.28% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในระยะนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดบ้าง ขณะเดียวกัน หุ้นสไตล์ Growth และ หุ้นกลุ่มเทคฯ SAP +1.1% ยังพอช่วยพยุงตลาดหุ้นยุโรปได้บ้าง
หลังบอนด์ยีลด์ระยะยาวต่างทรงตัว ทว่า การปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน Shell -1.1% ก็เป็นปัจจัยที่กดดันไม่ให้ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นไปได้มาก
ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ไม่ได้มีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อในมุมมองว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปี 2567
ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง ใกล้ระดับ 4.50% ทั้งนี้ในระยะสั้น หากผู้เล่นในตลาดไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดไปมากนัก มองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 4.50% และยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์อาจปรับตัวขึ้นได้บ้าง
ซึ่งต้องรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรอาศัยจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง และถ้อยแถลงของประธานเฟดก็ไม่ได้มีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายการเงินเฟดอย่างที่ตลาดคาดหวัง
ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 105.5 จุด (กรอบ 105.4-105.9 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ จะย่อตัวลงบ้าง
ทว่าบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์สงครามที่ลดลง กอปรกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่ยังกังวลต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.)
ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซน 1,955 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยการปรับตัวลดลงดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่า
สำหรับวันนี้ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้งเฟด และ ECB โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ถ้อยแถลงของประธานเฟด (ตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 2.00 น. ของเช้าวันศุกร์ ตามเวลาประเทศไทย) ที่คาดว่า จะมีการกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟดมากขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร
และในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอจับตาแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ว่าจะเพิ่มสูงขึ้น และสะท้อนภาพการชะลอตัวที่มากขึ้นของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้หรือไม่
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือ จนกว่าตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน
นอกจากนี้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย ก็ยังมีความผันผวน ดังที่ได้ประเมินไว้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในฝั่งบอนด์จากนักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และทิศทางเงินบาทที่เริ่มกลับมาเป็นฝั่งแข็งค่า และที่สำคัญ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ก็อาจทำให้บรรดาผู้นำเข้าบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ได้บ้าง
อีกทั้งในช่วงนี้ ราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบต่างปรับตัวลงต่อเนื่อง ก็ทำให้มีโฟลว์ธุรกรรม ซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวจากผู้เล่นในตลาดเพิ่มเติม ซึ่งอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้ไม่ยาก
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงมั่นใจมากว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า
เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนพฤษภาคม ทำให้ หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว ก็อาจทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่า พร้อมกับ กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.45-35.65 บาท/ดอลลาร์
09 พฤศจิกายน 2566
ผู้ชม 108 ครั้ง