"แอมเวย์"วางกลยุทธ์พิชิตยอดขาย30,000ลบ.รับแผนA70ระดับโลก
"แอมเวย์"วางกลยุทธ์พิชิตยอดขาย30,000ลบ.รับแผนA70ระดับโลก
"แอมเวย์"วางกลยุทธ์พิชิตยอดขาย30,000ลบ.รับแผนA70ระดับโลก
ติดปีก!นักธุรกิจออนไลน์-สร้างคอมมูนิตี้Health & Wellnessเต็มสูบ!
บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินเกมรุกตลาดดิจิทัล สร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ เสริมศักยภาพแบรนด์ สร้างคอมมูนิตี้ Health & Wellness เพื่อให้ทุกชีวิตมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ผ่าน 3 กลยุทธ์หลักได้แก่ 1.จากสินค้าสู่โซลูชั่น 2. จากงานประชุมสู่คอมมูนิตี้ 3. ผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ช่วยบู๊สพลังให้นักธุรกิจแอมเวย์ รวมทั้งดูแลระบบโลจิสติกส์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจในทุกขั้นตอน รับแผนยุทธศาสตร์แอมเวย์โลกที่จะครบรอบ 70 ปีในอีก 6 ปีข้างหน้าหรือ A70 เพื่อพิชิตเป้าหมายยอดขาย 30,000 ล้านบาท จากฐานนักธุรกิจและสมาชิกแกร่งรวมกันกว่า 1.3 ล้านราย
คุณทศพร นิษฐานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กลุ่มแอมเวย์ทั่วโลก มียอดขายอยู่กว่า 300,000 ล้านบาท จากเครือข่ายมากกว่า 100 ประเทศ ถือเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจขายตรงโลก และในอีก 6 ปี ข้างหน้าจะครบ 70 ปี รับยุทธศาสตร์ A 70
ในขณะที่ แอมเวย์(ประเทศไทย) มีการดำเนินธุรกิจมากว่า 36 ปีและเป็นบริษัทขายตรงอันดับ 1 ในไทย โดยเน้นย้ำวิสัยทัศน์ HELPING PEOPLE LIVE BETTER, HEALTHIER LIVES “สุขภาพดี ชีวิตดี เริ่มที่แอมเวย์” ที่ต้องการช่วยให้ผู้คนมีชีวิตและสุขภาพที่ดี
โดยวางเป้าหมายในการสร้างคอมมูนิตี้คนรักสุขภาพ ด้วยสินค้าและการบริการที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ทุกพื้นที่ในประเทศไทย
โดยที่ แอมเวย์(ประเทศไทย) สามารถสร้างรายได้เป็นอันดับ 5 ของแอมเวย์ทั่วโลก ส่วนในไทยบริษัทมีรายได้และส่วนแบ่งทางการตลาดติด 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้านี้ที่ติด 1 ใน 4
โดยเมื่อปี 2565 บริษัทมีรายได้กว่า 18,750 ล้านบาท จากนักธุรกิจที่แอคทีฟกว่า 330,000 คนและสมาชิกทั่วประเทศอีกกว่า 700,000 คน รวมเป็นฐานลูกค้ากว่า 1.3 ล้านคน
นอกจากนั้นในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา แอมเวย์(ประเทศไทย) ได้มีการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เข้ากับสถานการณ์โดยมีการพัฒนาและใช้ช่องทางออนไลน์มาทำตลาดควบคู่กันไปด้วย
ส่งผลให้ในปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายจากออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากสัดสวน 25% มาเป็น 53% โตเป็นเท่าตัว เนื่องจากนักธุรกิจให้การตอบรับเป็นอย่างดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากการปรับตัวและใช้เครื่องมือสู่ช่องทงการตลาดออนไลน์มากขึ้น
โดยที่ แอมเวย์(ประเทศไทย) ยังคงใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ Multi Level Marketing ที่นักธุรกิจทำหน้าที่การตลาดแบบ “บอกปากต่อปาก” แต่ปัจจุบันได้ปรับรูปแบบไปสู่โลกโซเชียล หรือ Social Marketing บนโลกออนไลน์ของนักธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้น
โดยที่ผลิตภัณฑ์สุขภาพประเภทวิตามินและอาหารเสริมหลายรายการของ แอมเวย์(ประเทศไทย) เป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยเฉพาะ Hero Product อย่างโปรตีนก็เป็นอันดับ 1 ที่แข็งแกร่งและสำคัญเช่นกัน รวมถึงน้ำมันปลา
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักซึ่งมีความสำคัญในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยแล้วยังเป็นอันดับ 1 ของยอดขายแอมเวย์ทั่วโลกด้วยและถือโซลูชั่นลดน้ำหนักเป็น “ต้นแบบ” สำหรับแอมเวย์ทั่วโลกในการทำตลาดและสร้างยอดขายสินค้าประเภทนี้
รวมถึงเครื่องกรองน้ำและกรองอากาศ ก็ครองอันดับ 1 ทั้งในประเทศไทยและแอมเวย์ทั่วโลกด้วย ส่วนเครื่องสำอาง Artistry เซ้กเม้นท์พรีเมียมก็ครองอันดับ 1 เช่นกัน
คุณทศพร กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ทาง กลุ่มแอมเวย์ ได้กำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ทางการตลาดไว้ทุกๆ 10 ปี โดยในวาระครบรอบ 70 ปี หรือ A 70 ในอีก 6 ปีข้างหน้านั้น ทาง แอมเวย์(ประเทศไทย) ก็ได้วางแผนการตลาดให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ดังกล่าว
โดยตั้งเป้าหมายรายได้จำนวน 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่คาดว่าปี 2566 นี้จะมีรายได้เสมอตัวเท่ากับปีที่ผ่านมาจำนวน 18,750 ล้านบาท จากนั้นในปี 2567 ธุรกิจจะสามารถกลับมาสร้างการเติบโตเป็นบวกได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับกลยุทธ์และแผนการตลาดที่ทาง แอมเวย์(ประเทศไทย) ได้เตรียมไว้รองรับเป้าหมาย A 70 ตามที่ตั้งไว้นั้นมาจากการศึกษาเมกะเทรนด์ (Mega Trend) ควบคู่กับความต้องการของผู้บริโภค (Consumer Insight)
เพื่อนำมาพัฒนาสินค้า รูปแบบการขายและการดำเนินธุรกิจ ให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลกและความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เอื้อต่อการเติบโตธุรกิจขายตรงทั้งในไทยและในระดับโลก 3 เรื่อง ได้แก่
1. เรื่องการใส่ใจและดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์ด้าน Health & Wellness ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหลานี้อยู่แล้ว เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโต
2. เรื่องรายได้ของนักธุรกิจที่ประกอบอาชีพอิสระที่อยากมีธุรกิจของตนเอง ซึ่งเป็นปณิธานของกลุ่มแอมเวย์นับตั้งแต่การก่อตั้งมา โดยที่ทาง แอมเวย์(ประเทศไทย) ก็มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ
และแผนการเติบโตให้กับวิถีคนรุ่นใหม่หรือ Gig Economy ได้เข้ามาร่วมงานและสามารถสร้างเติบโตทางรายได้และติดคุณวุฒิได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วยในยุคดิจิทัลนี้
ภายใต้แนวทาง 3S คือ Stringer Simple และ Smarter โดยปัจจุบัน แอมเวย์(ประเทศไทย) สามารถสร้างฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่อายุ 18-35 ปี มีสัดส่วนกว่า 45% แล้ว
และต่อมาคือ 3. ระบบเทคโนโลยี ที่ทางแอมเวย์(ประเทศไทย)ได้มีการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการทำงานและการบริการอย่างครบวงจร
ซึ่งทั้ง 3 เมกะเทรนด์นี้จะเป็น “ลมใต้ปีก” ที่ช่วยผลักดันให้ แอมเวย์(ประเทศไทย) ถึงเป้าหมาย 30,000 ล้านบาท ตามกลยุทธ์ A 70 ของ แอมเวย์ทั่วโลกในอีก 6 ปีข้างหน้าต่อไป
ภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจ Wealth & Health ที่ได้ทั้งความมั่งคั่งในอาชีพควบคู่สุขภาพที่ดีด้วยและถือเป็น “ต้นแบบ” ให้กับแอมเวย์ทั่วโลกด้วย
“เมกะเทรนด์ที่คนทั่วไปให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้ประกอบด้วย หนึ่ง “Health Conscious” ผู้บริโภคให้ความสนใจ
ในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงหลังการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
สอง “Entrepreneurship” คนรุ่นใหม่ชอบประกอบอาชีพอิสระมากขึ้น โดยจากการวิจัยของ Amway Global Entrepreneurship Report หรือ AGER ประจำปี 2566 พบว่า คนในยุคปัจจุบันมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองมากถึง 74% ซึ่งมากกว่าทุกครั้งที่มีการสำรวจ
และสาม “Go Digital” ผู้บริโภคมีการใช้สื่อออนไลน์และทำธุรกรรมผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น ซึ่งจาก 3 เมกะเทรนด์ดังกล่าว สอดคล้องกับจุดแข็งของแอมเวย์
จึงได้ปรับกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ยุคใหม่โดยมีเป้าหมายเพื่อการสร้าง Health & Wellness Community ที่ใหญ่ที่สุด” คุณทศพร กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
สำหรับ 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างคอมมูนิตี้ของการมีสุขภาพดี ได้แก่
- จากสินค้าสู่โซลูชั่น แอมเวย์มีสินค้ามากกว่า 250 รายการ และครอบครองสิทธิบัตรทั่วโลกถึง 750 รายการ โดยมีสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภค แอมเวย์ ได้วางกลยุทธ์เพื่อยกระดับมิติสินค้าครั้งใหม่ให้เป็น “Superior Solution” เพื่อการดูแลสุขภาพตามความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล อาทิ ชุดพื้นฐานประจำวัน (Daily Nutrition) ชุดดีต่อใจ (Vital Gold) ชุดก้าวไปด้วยกัน (Let's Move) ชุดคลีนอัป (Clean up) และชุดอิกไนท์ (Ignite) รวมถึงโซลูชั่นที่มาแรงอย่างการลดและควบคุมน้ำหนัก (Weight Management) โดยมีจุดแข็งสำคัญคือ “ฟาร์มออร์แกนิค” กว่า 15,000 ไร่ ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และบราซิล ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็น Best of Nature, Best of Science ซึ่งเป็นต้นกำเนิดพืชส่วนผสมของผลิตภัณฑ์คุณภาพ ดูแลกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดพันธุ์จนผลิตเป็นสินค้า (From seed to finished product) ส่งถึงมือผู้บริโภค
- จากงานประชุมสู่คอมมูนิตี้ แอมเวย์ปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมธุรกิจแบบเดิม สู่มิติของการสร้างคอมมูนิตี้ด้าน Health & Wellness โดยใช้เรื่องการดูแลสุขภาพเป็นจุดเชื่อมโยงสู่โอกาสทางธุรกิจของแอมเวย์ อาทิ Weight Management Community, Healthy Aging Community, Fitness Community นอกจากนั้นยังมีคอมมูนิตี้ที่นักธุรกิจแอมเวย์สร้างขึ้นเองอีกมากมาย กระจายอยู่ทั่วประเทศ กลายเป็นคอมมูนิตี้ที่ใหญ่มากขึ้น ทั้งนี้ แอมเวย์ ยังได้อัพสกิลนักธุรกิจแอมเวย์ สร้าง Personal Branding ด้วยโปรแกรม “Amway Creators” จัดการแข่งขัน 70 Days Creators Challenge ภารกิจ 70 วันเรียนรู้และแข่งขันทำธุรกิจแอมเวย์ด้วยเทคนิคใหม่ๆ ปัจจุบัน มีผู้ร่วมโครงการกว่า 50,000 คนจากทั้งหมดกว่า 330,000 คน ตลอด 2 ปีที่จัดกิจกรรม ซึ่งนักธุรกิจที่ผ่านการฝึกอบรมเหล่านี้ก็จะมีการนำเทคนิคไปถ่ายทอดให้แก่ทีมงานกันต่อไปด้วย
- ผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์ แอมเวย์ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้มีการผสมผสานทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ควบคู่กัน เพื่อให้สอดรับพฤติกรรมของคนยุคปัจจุบัน โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 แอมเวย์(ประเทศไทย) ได้ลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลระยะเวลา 5 ปีถึงปี 2567 รวมกว่า 1,000 ล้านบาท สร้างแผนระยะยาวเพื่อพัฒนาระบบต่างๆ ให้รองรับการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ๆ ทั้งระบบคอมพิวเตอร์และการรองรับ Big Data การพัฒนาเว็บไซต์ และการซื้อขายทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น “Amway Click” และ LINE เพื่อให้การทำธุรกิจง่ายและสะดวกขึ้น ในขณะที่เสน่ห์ของธุรกิจขายตรงยังคงอยู่ที่เรื่อง Personal Touch ดังนั้นการจัดงานแบบออฟไลน์ที่ได้มาพบปะกัน เช่น การจัดอบรม สัมมนา และงานประกาศเกียรติคุณ จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำธุรกิจได้ดี แอมเวย์จึงได้บาลานซ์การทำงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ตามความเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์การสร้างธุรกิจ
นอกจากนั้น แอมเวย์ยังได้เสริมความแข็งแกร่งของระบบโลจิสติกส์ให้รอบด้าน รวมถึงการจับมือกับพาร์ทเนอร์เจ้าใหญ่อย่าง KERRY และ 7-11 เพิ่มจุดรับสินค้ากว่า 13,000 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาระบบการจัดการสต็อค
และนำนวัตกรรมห้องเย็น Hybrid Chiller โดยลงทุนกว่า 40 ล้านบาท เพื่อเก็บผลิตภัณฑ์ให้คงคุณภาพที่ดีที่สุดก่อนถึงมือผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนให้นักธุรกิจแอมเวย์สามารถทำการตลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น
“ด้วยโซลูชั่นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการแนะนำธุรกิจเป็นคอมมูนิตี้เน้นด้านสุขภาพ ตลอดจนการสร้างแพลตฟอร์มและบาลานซ์การทำกิจกรรมทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างให้แอมเวย์เป็น Health & Wellness Community ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
โดยที่ผ่านมาสามารถพัฒนานักธุรกิจแอมเวย์จนประสบความสำเร็จในการสร้างคอมมูนิตี้แห่งสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่แข็งแกร่ง สามารถครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ด้านอื่นๆ ของ Well-being มากขึ้น
พร้อมยกระดับเป็นโมเดลให้คนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่ม Millennial และ Gen Z ที่สนใจ ได้เข้ามารับประสบการณ์และต่อยอดโมเดลธุรกิจมากขึ้น ย้ำภาพลักษณ์การเป็นอันดับหนึ่งตลาดขายตรงของประเทศไทย” คุณทศพร กล่าวสรุป
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับแอมเวย์ ประเทศไทย สามารถสมัครสมาชิก สั่งซื้อสินค้า และติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ที่ Website: www.amway.co.th Facebook: www.facebook.com/amwaythailand Line Official: @amwaythailand Amway Contact Center: 0-2725-8000
20 กันยายน 2566
ผู้ชม 2498 ครั้ง