CKPowerชี้!ครึ่งปีแรกรับผลกระทบเอลนีโญ คาดQ3ฟื้นฤดูกาลน้ำหลาก
CKPowerชี้!ครึ่งปีแรกรับผลกระทบเอลนีโญ คาดQ3ฟื้นฤดูกาลน้ำหลาก
CKPowerชี้!ครึ่งปีแรกรับผลกระทบเอลนีโญคาดQ3ฟื้นฤดูกาลน้ำหลาก
ย้ำ!เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแตะ93%
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีเป้าหมายที่จะมีระดับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Niño) ทำให้สภาพภูมิอากาศโลกแปรปรวน เกิดภัยแล้งเป็นวงกว้าง
รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่งผลกระทบทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 และปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทำให้ผลการดำเนินงานของ CKPower ในไตรมาสที่ 2/2566 และครึ่งปีแรกของปีนี้ลดลง โดยบริษัทได้ประกาศความพร้อมจ่ายไฟฟ้าภายใต้หลักความระมัดระวังและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ
ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำน้อย โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3/2566 ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2566 จากปัจจัยตามฤดูกาลน้ำหลาก
ในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,566 ล้านบาท ลดลง 93 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,659 ล้านบาท และมีรายได้รวมงวด 6 เดือนแรกของปีนี้จำนวน 5,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว 49 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.9
ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก รายได้ค่าบริหารโครงการและรายได้อื่นที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ CKPower มีกำไร 1.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 864 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 99.8
ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทรับรู้ผลขาดทุนสุทธิจำนวน 103 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 903 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน XPCL จากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปริมาณน้ำ และจากค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มดอกเบี้ยโลก
ขณะที่ NN2 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลงและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงานซ่อมบำรุงใหญ่ (Major Overhaul) ซึ่งเป็นไปตามแผนการซ่อมบำรุงปกติ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ บางเขนชัย (BKC) มีรายได้ลดลงจากการสิ้นสุดการได้รับ Adder
นอกจากนี้ฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่ภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ 0.62 เท่า
“ฤดูแล้งของปีนี้ถือเป็นอีกปีที่หนักหน่วงเพราะมีสถานการณ์เอลนีโญเข้ามาสมทบ แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี เนื่องจากบริษัทมั่นใจว่าในไตรมาส 3 จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลน้ำหลาก
อีกทั้งได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือเรื่องภัยแล้งอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้บริษัทยังได้ติดตามสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ CKP
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2566 ร้อยละ 83 ของหนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของ CKP เป็นหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.50
และในส่วนของ XPCL ซึ่งเป็นบริษัทร่วมก็มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ Interest Rate Swap และการออกหุ้นกู้ เพื่อบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนดอกเบี้ยคงที่และดอกเบี้ยลอยตัวที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง” นายธนวัฒน์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ในปี 2566 CKPower ได้ตั้งเป้าหมายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 ไม่เกิน 723,674 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 CKPower ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 354,851 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e)
ซึ่งถือว่าดีกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ และคาดว่าในครึ่งปีหลังจะบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ไม่เกินเป้าหมายหรือดีกว่าเป้าหมาย โดยบริษัทมีโครงการลดการใช้พลังงาน
โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรและมีแผนที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทดแทนรถยนต์เดิม และจะเพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรจากเดิม 88% เป็น 92% ภายในปีนี้
10 สิงหาคม 2566
ผู้ชม 186 ครั้ง