สถิติ

71305958

โนเบิล ปิดดีล "นิว ดิสทริค อาร์ 9  และ นิว ครอส คูคต สเตชัน"

   โนเบิล ปิดดีล "นิว ดิสทริค อาร์ 9  และ นิว ครอส คูคต สเตชัน"

   รับเงินสด 1,400 ล้านบาท ดีเดย์!บุ๊คกำไรพิเศษในไตรมาส3 ปี66

                         

   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” บรรลุข้อตกลงกระบวนการขายเงินลงทุน และโอนหุ้นดีล 2 โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และนิว ครอส คูคต สเตชัน เป็นอันเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

   โดยได้รับกระแสเงินสดกว่า 1,400 ล้านบาท เข้าบริษัทได้ทันที พร้อมบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 3/2566 นี้ เสริมผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น

   นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทและผลธุรกรรมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนซื้อขายหุ้นให้แก่บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “PROUD” ตามข้อตกลง

   โดยดีลดังกล่าวเป็น การขายหุ้นใน บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด และ บริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด ที่บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้น 50%

   ร่วมกับทางกลุ่ม บริษัท บีทีเอส และ กลุ่มบริษัทในเครือ สหพัฒน์ ที่ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และ โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งได้เปิดตัวโครงการไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา 

   ปัจจุบันโครงการนิว ครอส คูคต สเตชั่น ได้ดำเนินการขายไป 100% และ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 มียอดขายแล้วกว่า 80% โดยทั้งสองโครงการมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 8,600 ล้านบาท

   ทั้งนี้รายการการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ส่งผลดีให้กับบริษัทฯ ทั้งในแง่ของกำไรที่สามารถรับรู้ได้ทันทีที่ธุรกรรมเสร็จสิ้น และกระแสเงินสดที่ได้กลับมาอย่างรวดเร็ว บริษัทสามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น 

   โดยการทำรายการขายหุ้นของทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR)) 

   จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล ถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การต่อยอดและการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคต

   นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลตอบแทนในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารงาน จากผู้ร่วมทุนในโครงการ ซึ่งคำนวณจากอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ที่บริษัทสามารถทำได้ จากการขายเงินลงทุนดังกล่าว เป็นผลให้ได้รับกระแสเงินสดจากธุรกรรมดังกล่าวกว่า 1,400 ล้านบาท

   ทั้งนี้บริษัทยังคงเป็นผู้ดำเนินการโครงการทั้งสองต่อไปในฐานะผู้บริหารโครงการ เพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้าง และส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้า รวมทั้งดูแลโครงการหลังการขาย ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ได้ทำไว้กับลูกค้าทุกๆ ราย ตามที่ได้มีข้อผูกพันอีกด้วย

   สำหรับการดำเนินงานในปี 2566 ของบริษัทยังคงเป็นไปตามแผนการเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่ากว่า 22,100 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขาย (Pre-sale) แล้วกว่า 8,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามประมาณการณ์ที่วางแผนไว้

   ด้วย Demand ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างการรับรู้รายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีในครึ่งปีหลังนี้อีกด้วย” นายธงชัย กล่าวสรุป

01 สิงหาคม 2566

ผู้ชม 197 ครั้ง

Engine by shopup.com