สถิติ

66600363

ทาทา สตีล ชี้!ปี66อุตสาหกรรมเหล็กขาขึ้นรับเศรษฐกิจฟื้น  

   ทาทา สตีล ชี้!ปี66อุตสาหกรรมเหล็กขาขึ้นรับเศรษฐกิจฟื้น

   กางแผนปั้นยอดขายในประเทศ-ส่งออก-ลดต้นทุนค่าไฟฟ้า

             

   นายดารุน คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวด 12 เดือนของงบการเงินปี 2566 (เม.ย. 65-มี.ค. 66) บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 30,698 ล้านบาท หรือลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจากปริมาณการขายสินค้าที่ลดลง จากปริมาณการขายสินค้าของงบการเงินปี 2566 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 อยู่ที่ 1.21 ล้านตัน หรือลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปริมาณการขายสินค้าที่ลดลงเกิดจากอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา แต่ทั้งนีบริษัทก็ได้ปรับแผนด้วยการชดเชยจากการส่งออกเหล็กเส้นเพิ่มขึ้นแทน จาก 130,000  ตัน เป็น 174,000 ตัน  

   ส่งผลให้บริษัทมีกำไรอยู่ที่ 681 ล้านบาท เทียบกับกำไร 2,600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากต้นทุนการแปลงสภาพที่สูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน เฟอร์ไรอัลลอย เชื้อเพลงและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงปริมาณการขายสินค้าที่ลดลง

   ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทได้ปรับแผนทางการตลาดเพื่อรับมือกับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นในปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปีการเงิน 2566(ม.ค.-มี.ค. 66) ที่ความเชื่อมั่นในภาคการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการขายสินค้าในไตรมาสนี้อยู่ที่ 311,00 ตัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับ 289,000 ในไตรมาสก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายเหล็กเส้นในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรก่อนภาษี 108 ล้านบาทเมื่อเทียบกับผลขาดทุน 80 ล้านบาทในไตรมาสก่อน

                                          

   นายดารุน คูมาร์ ดากา กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนงานในงบการเงินปี 2567(เม.ย. 66 –มี.ค. 67) จากสภาพเศรษฐกิจในปี 2566 ที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งจากภาคท่องเที่ยวและการลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศ รวมถึงหลังการเลือกตั้งที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดว่าจะผลักดันมกกะโปรเจ็กท์ออกมาได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ก็จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเหล็กโดยตรง รวมถึง ทาทา สตีล โดยที่บริษัทยังคงกำลังการผลิตเท่าเดิมแต่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้

   โดยได้วางแผนการเติบโตหลักๆ  3 กลยุทธ์คือ การทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและตลาดใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาโซลูชันใหม่เพื่อตอบโจทย์การก่อสร้างและการเปิดตลาดส่งออกใหม่ๆ เพิ่มเติม แต่ทั้งนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญหลักการทำตลาดในไทยด้วยสัดสวนยอดขายกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นตลาดส่งออก

   นอกจากนั้นบริษัทยังได้ดำเนินการลดต้นทุนพลังงานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าด้วยการติดตั้ง Solar Roof ที่มีกำลังการผลิต 14 เมกะวัตต์ภายในโรงงานให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2566 นี้ด้วย

 

15 พฤษภาคม 2566

ผู้ชม 10260 ครั้ง

Engine by shopup.com