สถิติ

71331572

"ไทยประกันชีวิต" ทุบสถิติกำไรสุทธิปี65 กว่า 9,265 ลบ.   

   "ไทยประกันชีวิต" ทุบสถิติกำไรสุทธิปี65 กว่า 9,265 ลบ. 

   กลยุทธ์การตลาด/ดิจิทัลแผลงฤทธิ์!-ปั๊ม!เบี้ยปีแรกโต13%                                           

                  

   ไทยประกันชีวิต แจ้งผลประกอบการปี 65 กำไรสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 9,265 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปีเพิ่มขึ้น 13% VONB เพิ่ม 31%

   ผลจากการเติบโตของทุกช่องทางการขายตามกลยุทธ์ Multi-Channel และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างกำไรระยะยาว ตอบวิสัยทัศน์การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน 

   นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 ว่า แม้ว่าปี 2565 อุตสาหกรรมประกันชีวิตต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับช่วงครึ่งปีแรกจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

   แต่ไทยประกันชีวิตยังคงมีผลประกอบการที่เข้มแข็ง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 9,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2564 มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (Annual Premium Equivalent หรือ APE) ที่ 12,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%

   ขณะที่ผลรวมของกำไรที่คาดว่าจะได้รับตั้งแต่วันแรกจนกระทั่งถึงวันสิ้นสุดสัญญา หรือ Value of New Business (VONB) อยู่ที่ 7,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% โดยอัตรากำไรของ VONB หรือ VONB Margin ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

   และมีมูลค่าปัจจุบันของกรมธรรม์ (Embedded Value) ที่ 145,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 2% ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของ APE และ VONB ในทุกช่องทางการขาย

   “บริษัทมีกำไรสุทธิสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งผลประกอบการที่เติบโตสูง สะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ Multi-Channel และการพัฒนาสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation ของบริษัท

   โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตมีการพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลสำหรับการขายและการดูแลลูกค้าที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ แอปพลิเคชัน MDA PLUS รวมถึงมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีผลกำไรที่ยั่งยืน

   ขณะที่ช่องทางพันธมิตรยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทพัฒนาเครื่องมือการขายดิจิทัล และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการขยายตลาดของพันธมิตร” นายไชย กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   สำหรับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์บริษัทมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล ตามนโยบายยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างกำไรที่ดี

   และไม่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนร่วมในเงินปันผล หรือ Participating Product ผลิตภัณฑ์ควบการลงทุน และสัญญาเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไรของบริษัทท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ

   นายไชย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าในปีที่ผ่านมาอัตราการเรียกร้องสินไหมค่ารักษาพยาบาลจากโควิด-19 จะสูงขึ้น แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน

   เนื่องจากไทยประกันชีวิตไม่มีการขายผลิตภัณฑ์ประกันโควิด-19 ประเภทเจอจ่ายจบ และการเรียกร้องสินไหมค่ารักษาพยาบาลจากโควิด-19 เริ่มลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565

   นอกจากนี้อัตราส่วนเงินกองทุน (CAR Ratio) ของบริษัทยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 420% ณ เดือนธันวาคม 2565 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้มาก

   และเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของไทยประกันชีวิตเป็นไปอย่างยั่งยืน สอดรับกับวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยครอบคลุมเป้าหมาย ESG ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

   ผ่านการกำหนดเป็นกลยุทธ์และแนวทางการปฏิบัติครอบคลุมทุกหน่วยงานภายในบริษัทฯ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) อีกด้วย

24 กุมภาพันธ์ 2566

ผู้ชม 467 ครั้ง

Engine by shopup.com