สถิติ

71390902

BGC ปลื้ม! ขายหุ้นกู้ครั้งแรกเกลี้ยง    

   BGC ปลื้ม! ขายหุ้นกู้ครั้งแรกเกลี้ยง

   ตอกย้ำนักลงทุนเชื่อมั่นผู้นำบรรจุภัณฑ์

                        

   บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC เสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.98% ต่อปี มูลค่ารวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท แก่นักลงทุนสถาบัน เปิดวันแรกยอดจองล้น

   ตอกย้ำศักยภาพผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Total Packaging Solutions) ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” จากทริสเรทติ้ง

   ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ครึ่งปีหลังมุ่งสร้างความแข็งแกร่งผ่านกลยุทธ์หลักอย่างต่อเนื่อง คาดรายได้จากการขายปี65นี้เติบโตกว่าเป้าหมาย

   นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรก (ครั้งที่ 1/2565) แก่นักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

   จากยอดจองที่เต็มเกินจำนวนจัดสรรตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง โดยหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันและไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 จำนวนไม่เกิน 1 ล้านหน่วย

   ที่ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.98% ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยจะเสนอขายผ่านธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้

   ทั้งนี้บริษัทได้รับการคงอันดับความน่าเชื่อที่ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” (คงที่) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่เป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Total Packaging Solutions)

   โดยมีผลิตภัณฑ์หลักเป็นบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งที่หลากหลาย ได้แก่ บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์พลาสติก ฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET และหลอดพรีฟอร์ม มีผลการดำเนินงานที่ดีและความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง

   แสดงถึงสถานะของบริษัทที่มีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2565 อยู่ที่ 1.6 เท่า

   และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 2.10 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินที่ดี

   “ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ กับการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกของ BGC ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งต้องการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทที่มีความมั่นคง

   โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปชำระเงินกู้ภายในปี 2565 ซึ่งจะคงความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินของบริษัท และเตรียมความพร้อมรับมือภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น” นายศิลปรัตน์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมุ่งสร้างความแข็งแกร่งและทำรายได้เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น

   หลังจากผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการดำเนินกลยุทธ์หลักต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

   ได้แก่ (1) การเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง (2) นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิต

   (3) ปรับสูตรการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุน (4) บริหารจัดการสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และ (5) เจราจาปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต

   ปัจจุบันบริษัทแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้ว และกลุ่มแพคเกจจิ้ง โดยปี 2565 วางเป้าหมายรายได้จากการขายเติบโตกว่า 10 % จากปีก่อน ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขาย 7,355 ล้านบาท เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

   และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 325 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้และปริมาณการขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเบียร์ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม

   หลังจากผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนประชาชนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19

   นอกจากนี้บริษัทได้มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสีย ปรับสูตรการผลิต และนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ภายในโรงงาน เพื่อรักษาอัตรากำไร ตอกย้ำถึงการปรับกลยุทธ์อย่างรวดเร็วให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยต่างๆ

   ขณะที่แผนงานระยะยาววางเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 25,000 ล้านบาท เติบโตเท่าตัวจากรายได้ 11,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยจะพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนในกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและกลุ่มแพคเกจจิ้ง เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

03 กันยายน 2565

ผู้ชม 244 ครั้ง

Engine by shopup.com