สถิติ

71394133

PTG โชว์ฟอร์ม Q2/65 กำไรสุทธิพุ่ง 271%    

   PTG โชว์ฟอร์ม Q2/65 กำไรสุทธิพุ่ง 271%

   ยอดขายน้ำมันทุบสถิติ-ทุ่ม3,000-4,000ลบ.ขยายธุรกิจ

                   

   “PTG” ฟอร์มสวย! ไตรมาส 2/2565 โชว์กำไรสุทธิกว่า 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 271% ชี้ยอดขายน้ำมันทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์การณ์ กว่า 1,367 ล้านลิตร

   ส่วนธุรกิจ Non-Oil รายได้พุ่ง 2,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.1% เล็งทุ่มงบทั้งปี 3,000-4,000 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจเพิ่ม หนุนผลดำเนินงานปีนี้โตทะลุเป้า

   นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ในงวดไตรมาส 2/2565  มีรายได้จากการขายและการบริการ จำนวน 46,307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 270.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

   “หลังจากภาครัฐประกาศเปิดประเทศเต็มระบบ ส่งผลให้กิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมา เพราะมีการเดินทางและการท่องเที่ยวคึกคักขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีปริมาณการใช้และจำหน่ายน้ำมันขยายตัวตาม

   ส่งผลให้ปริมาณการขายน้ำมันของบริษัททำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปริมาณจำหน่ายน้ำมัน กว่า 1,367 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

   โดยเป็นการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ 96.2% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด หรือ 1,315 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7.4% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับปริมาณการใช้น้ำมันของประเทศที่เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” นายพิทักษ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ทั้งนี้บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการบริการ ในไตรมาส 2/2565 จำนวน 46,307 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจน้ำมัน เพิ่มขึ้น 37.7%

   และธุรกิจ Non-Oil ยังคงมีอัตราเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีรายได้  2,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  71.1% ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 1,317 สาขา เพิ่มขึ้น 331 สาขา หรือ 33.6%

   อย่างไรก็ตามบริษัทมีกำไรขั้นต้นทั้งสิ้น 3,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการปรับราคาขายปลีกให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นและมีการบริหารต้นทุนได้อย่างเหมาะสม

   ส่งผลให้ค่าการตลาดเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ ซึ่งกำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมัน ยังเป็นธุรกิจหลักมีสัดส่วน 84.0% และอีก 16.0% เป็นกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

   “กำไรขั้นต้นจาก ธุรกิจ Non-Oil แบ่งเป็นธุรกิจแก๊ส LPG ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (ATL) 7.6% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2.5% และธุรกิจอื่นๆ 5.9% ได้แก่ร้านสะดวกซื้อ Max Mart ธุรกิจน้ำมันเครื่อง และธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs เป็นต้น” นายพิทักษ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ จำนวน 85,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.0 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็น รายได้จากการขายและบริการในส่วนของธุรกิจน้ำมัน เพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

   ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจน้ำมัน 95.3% และรายได้จากธุรกิจ Non-Oil ในส่วนของธุรกิจ LPG ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจการให้บริการพื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้น 57.7%

   จากการขยายสาขาในธุรกิจ Non-Oil  และการเติมเต็มการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil ทั้งสิ้น 1,317 สาขา

   สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทวางแผนใช้งบลงทุน ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งการขยายสาขาและจำนวน Touchpoint  ทั้งหมด 3,582 สาขา

   แบ่งเป็น สถานีบริการน้ำมัน จำนวน 2,010 สาขา, ธุรกิจ Non-Oil จำนวน 1,572 สาขา, สถานี LPG และ Mix  จำนวน 252 สาขา, F&B, CVS และ Services จำนวน 1,320 สาขา เป็นต้น

   “บริษัทคาดว่าในปีนี้ ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก ประมาณ 6-10% และอัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ประมาณ 50-60% รวมถึงอัตราการเติบโตของยอดขาย Non-Oil ประมาณ 80-90%

   และอัตราการเติบโตของ EBITDA 15-20% จากครึ่งปีแรกบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,092 ล้านบาท จึงเชื่อว่าภายในปีนี้บริษัทจะมีรายได้และกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายพิทักษ์ กล่าวสรุป

20 สิงหาคม 2565

ผู้ชม 244 ครั้ง

Engine by shopup.com