สถิติ

71462226

B ดัน "เทพฤทธา"เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

   B ดัน "เทพฤทธา"เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ

   ระดมทุนขยายกิจการรับดีมานด์น้ำดิบพุ่ง

                                    

   “บี จิสติกส์” เร่งศึกษาแผนนำหุ้นบริษัทร่วมทุน “เทพฤทธา” ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายน้ำดิบเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2 ปี หลังแนวโน้มธุรกิจเติบโตสูงจากความต้องการใช้น้ำ “ภาคครัวเรือน-อุตสาหกรรม” พุ่ง! เล็งเพิ่มบ่อใหม่พื้นที่ภาคตะวันออกรองรับเขตอีอีซี เผยอยู่ระหว่างคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน คาดได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้

   ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท บี จิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ B เปิดเผยว่า การที่บริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนในธุรกิจกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งกลุ่มพลังงานทดแทน และธุรกิจผลิตน้ำดิบ

   เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์การเติบโตที่ยั่งยืนและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นได้ โดยในส่วนของบริษัท เทพฤทธา จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายดิบและเป็นบริษัทร่วมทุนที่ B ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 51 %

   กำลังศึกษาแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกที่บริษัทปรึกษาทางการเงินคาดว่าได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะนำหุ้นบริษัท เทพฤทธา เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ได้ภายใน 2 ปี  

   ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า สาเหตุที่บริษัทต้องเร่งศึกษาแผนการนำหุ้นบริษัทเทพฤทธาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบมีแนวโน้มเติบโตสูงจากความต้องการใช้น้ำของภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม 

   ทำให้บริษัทต้องเตรียมแหล่งเงินทุนรองรับการขยายกิจการในอนาคต ทั้งเรื่องการลงทุนซื้อบ่อใหม่เพื่อขยายปริมาณการส่งน้ำดิบให้กับลูกค้า เตรียมลงทุนวางระบบท่อเพื่อส่งน้ำดิบไปยังผู้ผลิตน้ำโดยตรง

   ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะซื้อบ่อใหม่เพิ่มในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC

   สำหรับแผนขยายการลงทุนของบริษัทเทพฤทธา ในปี 2565 บริษัทมีแผนลงทุนซื้อบ่อใหม่ เพื่อขยายปริมาณการส่งน้ำดิบให้กับลูกค้าในสัญญาฉบับใหม่ ปริมาณขั้นต่ำ 1.5 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี และเป็นบ่อสำรองให้กับบริษัทเพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มขึ้น  อย่างไรก็ตามในส่วนของ B นั้น ได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตน้ำดิบมาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564

   “เทพฤทธา ถือเป็นบริษัทร่วมทุนของ B ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเรื่องของแหล่งเงินทุน และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้บริษัทมีความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน

   สามารถออกตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ ได้ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน และตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ช่วยให้บริษัทสามารถจัดโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสมต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้” ดร.ปัญญา กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า 

   นอกจากนี้จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารงานและมาตรฐานการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้น ผ่านกลไกการเปิดเผยข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์               

   ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้สนใจลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทมากขึ้นแล้ว ยังช่วยสร้างความน่าชื่อถือแก่ลูกค้า คู่ค้า และสถาบันการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า การเข้าถึงพันธมิตรและการต่อยอดธุรกิจในอนาคต

   ส่วนภาพรวมการลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค นอกเหนือจากที่บริษัทเข้าไปร่วมทุนในธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบ โดยเข้าไปถือหุ้น 51% ในบริษัท เทพฤทธา จำกัด ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนในเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว 2 โครงการคือ

   โครงการโซลาร์ฟาร์ม SSG สยาม โซลาร์ ภายใต้บริษัทร่วม เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ที่อยู่ในชัยภูมิ กำลังการผลิต 27 เมกะวัตต์ โดยได้ COD ไปแล้วตั้งแต่ปี 56

   และโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในประเทศเวียดนาม ที่บริษัทเข้าไปร่วมลงทุน กำลังการผลิต 29 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ COD ไปแล้วเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา โดยที่ทั้ง 2 โครงการถือว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เสริมเข้ามาให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง 

22 มกราคม 2565

ผู้ชม 437 ครั้ง

Engine by shopup.com