"แม็คโคร" ปิดดีลใหญ่ส่งท้ายปี เดินหน้าเพิ่มทุนสำเร็จ 50,000 ล้านบาท
"แม็คโคร" ปิดดีลใหญ่ส่งท้ายปี เดินหน้าเพิ่มทุนสำเร็จ 50,000 ล้านบาท
"แม็คโคร" ปิดดีลใหญ่ส่งท้ายปี เดินหน้าเพิ่มทุนสำเร็จ 50,000 ล้านบาท
ผสาน "โลตัสส์" ปั้นแชมเปี้ยนค้าส่งค้าปลีก-อีคอมเมิร์ซ เบอร์หนึ่งเอเชีย
บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO หรือ บริษัทฯ) ดีลใหญ่จองซื้อหุ้น PO ส่งท้ายปี กับโอกาสของนักลงทุนที่จะร่วมเติบโตไปพร้อมกับแม็คโครและโลตัสในระดับภูมิภาค ล่าสุด การเสนอขายหุ้น PO ของ บมจ. สยามแม็คโคร
ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF กลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ถือเป็นดีลใหญ่ส่งท้ายปีท่ามกลางสถานการณ์โควิด ที่ยังคงส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อตลาดค้าส่งค้าปลีกทั่วโลก
แต่ยังสามารถปิดดีลระดมทุนได้ประมาณ 50,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะได้เห็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่สู่เป้าหมายการเป็น “แชมเปี้ยนค้าส่งค้าปลีก-อีคอมเมิร์ซ” ขึ้นเบอร์หนึ่งในเอเชีย พร้อมพาเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทยลุยตลาดต่างประเทศ
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า ในการเสนอขายหุ้นของแม็คโครนั้น ขอขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปที่ได้ให้การสนับสนุน
ถึงแม้ว่าระยะเวลาของการเสนอขายจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด และเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดี อย่างไรก็ตาม หุ้นแม็คโครก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัท และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยระดับภูมิภาค โดยหลังจากนี้ไปบริษัทจะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ จะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านดิจิทัล
การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศรวมทั้งการปรับรูปแบบและขยายสาขา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกประเภท ทั้งลูกค้าผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป นอกจากนี้ทีมงานทั้งแม็คโครและโลตัสส์จะร่วมมือกันเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่างๆ ให้เข็มแข็งยิ่งขึ้น
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ระบุว่า ในนามผู้บริหารโลตัสส์ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจและจองซื้อหุ้น MAKRO เพื่อร่วมเติบโตไปกับธุรกิจแม็คโครและโลตัสส์
ซึ่งมั่นใจว่าจำนวนเงินจากการระดมทุนในครั้งนี้จะเพียงพอต่อการนำไปดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจและสร้างแพลตฟอร์มแห่งโอกาสของผู้ประกอบการไทยในห่วงโซ่ธุรกิจ
ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังปรับตัวดีขึ้น และแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัว จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างผลประกอบการได้ตามแผนที่วางไว้
การระดมทุนครั้งนี้มีมูลค่าสูงเฉียด 50,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นดีลใหญ่ระดับต้นๆ ของไทย โดยเป้าหมายแรกจะใช้เป็นเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ของการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแม็คโครและโลตัสส์
และส่งเสริมกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค ถัดมาคือการบูรณาการทั้งธุรกิจ B2B (MAKRO) และ B2C (Lotus’s) ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
สามารถใช้ศักยภาพจากฐานธุรกิจในประเทศไทย สู่การขยายธุรกิจไปในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้ โดยจุดเด่นของรูปแบบธุรกิจ จะมีจุดแข็งจากแพลตฟอร์มค้าส่งค้าปลีก
ที่เมื่อต่อยอดกับธุรกิจออนไลน์ เกิดเป็น O2O (Offline to Online) ที่ส่งมอบประสบการณ์การช้อปแบบ Omni-Channel ซึ่งจะทำให้สามารถเจาะตลาดได้ลึกขึ้น เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น และเป็นผู้เล่นในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซเต็มตัว
ขณะที่การเติบโตของตลาดค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาคอาเซียนยังเป็นทิศทางขาขึ้น โดยเมื่อเทียบรายได้จีดีพีต่อจำนวนประชากรในหลายประเทศในอาเซียน
พบว่ายังมี “โอกาสในการเติบโต” และขยายฐานธุรกิจนี้ไปได้ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และ สปป.ลาว หากพิจารณาถึงภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่แม็คโครได้รุกขยายธุรกิจในเมืองใหญ่ของประเทศเหล่านี้
และสร้างการเติบโตในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า ก็มีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซของไทยจะเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในประเทศต่างๆ เหล่านี้ แล้วเมื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งมีประชากรรวมกันถึง 3,300 ล้านคน
ก็จะเห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนว่าวันนี้ตลาดในอาเซียนและเอเชียยังมีพื้นที่ให้เติบโตในลักษณะคล้าย S-Curve แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดของเอเชีย โดยเฉพาะของสด (Fresh)
และสินค้าอุปโภคบริโภค (Grocery) ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นโอกาสให้บริษัทของไทยเข้าไปขยายธุรกิจและยกระดับเป็นผู้เล่นสำคัญระดับโลกได้
ทั้งนี้จากการพัฒนา “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” เพื่อการสร้างการเติบโตของแม็คโคร หลังรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ จะเป็นทั้งโอกาสการลงทุนและโอกาสของผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี และเกษตรกรทั่วประเทศไทย
เพราะการรุกกลยุทธ์เป็นผู้นำกลุ่มค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค รวมถึงพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยจะส่งเสริมเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทย
ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อนำสินค้า ผลผลิตและผลิตภัณฑ์ต่างๆ บุกตลาดต่างประเทศไปด้วยกัน ผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สร้างระบบนิเวศออนไลน์ของการค้าปลีกรูปแบบใหม่
ที่ช่วยให้เกษตรกร ผู้ผลิตและเอสเอ็มอีขยายช่องทางค้าปลีกได้กว้างขึ้นในตลาดโลก ผ่านการให้บริการแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย (Marketplace) แบบ B2B
ภาพจิ๊กซอว์ของบริษัทไทยกับการก้าวสู่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ อันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ ถือเป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือการขยายธุรกิจของแม็คโครจะไม่ได้ไปในฐานะภาคเอกชนเพียงรายเดียว แต่จะนำศักยภาพของคนไทย ทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยเติบโตไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF รวมถึงผู้จองซื้อรายย่อยสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรหุ้น PO ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.settrade.com โดยการจัดสรรหุ้นครั้งนี้ถือเป็นการตอบแทนนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นเข้าร่วมลงทุนเพื่อเติบโตด้วยกัน
17 ธันวาคม 2564
ผู้ชม 339 ครั้ง