"บริทาเนีย" เปิดราคา IPO
"บริทาเนีย" เปิดราคา IPO
"บริทาเนีย" เปิดราคา IPO
ช่วง 10.00–10.50 บาทต่อหุ้น
"บมจ.บริทาเนีย" หรือ BRI เปิดช่วงราคาเสนอขาย IPO เบื้องต้นที่ 10.00–10.50 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 7–9 ธันวาคม 64 สำหรับผู้ถือหุ้นของ ORI ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BRI (Pre-emptive Right) และ 13–15 ธันวาคม 64 นี้
สำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน วางยุทธศาสตร์รุกขยายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสู่จังหวัดที่มีศักยภาพ เน้นทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมและแหล่งงานที่สำคัญ
ชูความแตกต่างด้านการให้บริการหลังการขายตลอดช่วงอายุของการพักอาศัย (Long-Life Living After Sale Service) โชว์กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ 452.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า บริษัทมีวิชั่นเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการอยู่อาศัยและยกระดับการใช้ชีวิต
โดยวางแผนยุทธศาสตร์ขยายการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบไปยังจังหวัดที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เน้นทำเลที่อยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นแหล่งงานที่สำคัญ
โดยเฉพาะจังหวัดที่มีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือเป็นพื้นที่ที่มีอัตราเติบโตของประชากรสูงและมีการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะเพื่อรองรับการเดินทางของประชากรในพื้นที่ดังกล่าว
บริษัทวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง เช่น สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยองพระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
โดยในปี 2565 วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพต่างๆ เช่น จังหวัดอุดรธานี เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทมีความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยมีการพัฒนาโครงการที่หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ซึ่งมีรูปแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique Design) ได้แก่ 1) แบรนด์ “ไบรตัน” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ในพื้นที่ปริมณฑล และต่างจังหวัดจับกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน (First Jobber)
2) แบรนด์ “บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม จับกลุ่มลูกค้าที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว พนักงานบริษัทและเจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดเล็ก
3) แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับพรีเมียม จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการขนาดกลางและขนาดใหญ่
และ 4) แบรนด์ “เบลกราเวีย” เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเร็ว
โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทมีโครงการที่ปิดการขายแล้ว 2 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 2,028 ล้านบาท มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 13 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 17,550 ล้านบาท
มีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 6 โครงการ ที่จะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4/2564 รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,300 ล้านบาท และวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 10,800 ล้านบาท
ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในปี 2565 เช่น โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์–นครอินทร์ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท, โครงการบริทาเนีย อุดร-ดุษฎี มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท, โครงการบริทาเนีย ระยอง มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท เป็นต้น
“บริทาเนีย ให้ความสำคัญกับการสร้างความแตกต่างด้านบริการ โดยมีนโยบายให้บริการหลังการขายตลอดช่วงอายุของการพักอาศัย (Long-Life Living After Sale Service) มุ่งให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยเสมือนมีผู้ดูแลส่วนตัว
โดยนำเทคโนโลยี Mobile Application เข้ามาให้บริการ สามารถนัดหมายจองคิวการใช้บริการล่วงหน้า เช่น แม่บ้าน ช่างเทคนิค คนสวน เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านมีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มขึ้น” นางศุภลักษณ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีรายได้รวม 2,808.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 452.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดโครงการใหม่และโครงการในปัจจุบันที่มียอดขายดี รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BRI เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีโครงการที่พัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 1 โครงการในปี 2560 เป็น 21 โครงการในปี 2564
และใช้ระยะเวลาในการขายต่อโครงการเฉลี่ย 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี สำหรับโครงการที่สามารถปิดโครงการได้แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการต้นทุนพัฒนาโครงการที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้หลังจากที่ BRI ยื่นแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 252,650,000 หุ้น
คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ปัจจุบันได้รับอนุมัติแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BRI ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบชั้นนำที่มีศักยภาพการเติบโตสูง สะท้อนจากผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา และมีแผนพัฒนาโครงการในอนาคตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้กำหนดช่วงราคาเสนอขาย IPOเบื้องต้นที่หุ้นละ 10.00–10.50 บาท โดยจะเปิดให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ ORI ที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BRI (Pre-emptive Rights) จองซื้อในวันที่ 7–9 ธันวาคม 2564 นี้ ได้ 3 วิธี
ได้แก่ 1) จองซื้อผ่านระบบ Electronic Rights Offering (“E-RO”) บนเว็บไซต์ www.yuanta.co.th 2) ยื่นใบจองซื้อ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนรับจองซื้อหุ้นในส่วน Pre-emptive Rights
และ (3) การจองซื้อผ่านทางโทรศัพท์บันทึกเทป (สำหรับผู้ที่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น) โดยสามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิ (ไม่กำหนดอัตราสูงสุดการจองซื้อเกินกว่าสิทธิ)
อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้น ORI จะได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิ ต่อเมื่อมีหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้น ORI ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นที่จองซื้อตามสิทธิครบถ้วนแล้วเท่านั้น โดยหลักเกณฑ์การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิให้เป็นไปตามที่ระบุในแบบไฟลิ่งและหนังสือชี้ชวน
ส่วนนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ จองซื้อได้ในวันที่ 13–15 ธันวาคม 2564 นี้ โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
รวมถึงผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 ราย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ได้ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ (ภายในเวลา 17.00 น.) ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ (www.britania.co.th)
และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI จะแจ้งข่าวดังกล่าวทางเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th)
โดยคาดว่าจะนำหุ้น BRI เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2564 ซึ่ง BRI จะนำเงินจากการะดมทุนไปใช้พัฒนาโครงการ ชำระเงินกู้ยืมและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
25 พฤศจิกายน 2564
ผู้ชม 295 ครั้ง