"แม็คโคร" เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น รับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์
"แม็คโคร" เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น รับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์
"แม็คโคร" เตรียมขอมติผู้ถือหุ้น รับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์
รุกต่างประเทศ-ชูแพลตฟอร์มO2O/อีคอมเมิร์ซ-สร้างSMEsไทยโต
บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 12 ตุลาคม 2564 นี้ ขอมติเรื่องการรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซียจาก CPRH โดยออกหุ้นใหม่จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง
เพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการกลุ่มโลตัสส์ และการเพิ่มทุนจดทะเบียน รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป เสริมศักยภาพการเติบโตในตลาดต่างประเทศ ผ่านโมเดลธุรกิจแบบ O2O เชื่อมออนไลน์และออฟไลน์
ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเชื่อมโยงทุกภาคส่วน พร้อมผนึกความร่วมมือกับ SMEs เกษตรกรไทยและซัพพลายเออร์ สร้างโอกาสเติบโตไปด้วยกันในระดับภูมิภาค
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร หรือ MAKRO เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH)
และเพิ่มทุนจดทะเบียน รวมถึงการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement หรือ PP) และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO)
ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 12 ตุลาคม 2564 นี้ ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อขอมติจากผู้ถือหุ้นในการทำธุรกรรมดังกล่าว
การเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้จะเพิ่มโอกาสการเติบโต จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและประชากรเป็นจำนวนมาก
เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยบริษัทพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ
ทั้งเอสเอ็มอี เกษตรกรและผู้ผลิตสินค้า ร่วมเติบโตไปด้วยกันในระดับภูมิภาค ผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการไทย
“แม้มีการรวมกิจการของกลุ่มโลตัสส์เข้ามาในบริษัท แต่ยังคงยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นคู่คิดทางธุรกิจของทุกกลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมสนับสนุนเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้า และร้านค้าปลีกรายย่อย (ร้านโชห่วย)
ด้วยการนำความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการร้านค้า เข้าไปสนับสนุนการดำเนินธุรกิจรายย่อยท้องถิ่นให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม” นางสุชาดา กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
แม็คโคร เชื่อว่าจากประสบการณ์การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 32 ปี และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ B2B (Business to Business หรือการค้ากับผู้ประกอบการ) ขณะที่โลตัสส์ซึ่งเป็นผู้นำตลาดแบบ B2C (Business to Consumer หรือ การค้ากับผู้บริโภค) และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 27 ปี
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม
รวมถึงสามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านการคัดสรรและจัดซื้อ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น ตลอดจนยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการต่างชาติได้
ทั้งนี้ทั้งสองบริษัทจะพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ผสมผสานการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ (O2O) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล
ที่ต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าและบริการ ตลอดจนยกระดับแม็คโครและโลตัสส์ให้เป็นองค์กรที่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและดิจิตัลแพลตฟอร์ม
นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร สายงาน Group Shared Service กล่าวว่า การรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีมาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ใหญ่ขึ้น
และส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทที่สามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค
ทั้งนี้หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทเตรียมดำเนินการขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (PO) ซึ่งเมื่อกระบวนการเสนอขายเสร็จสิ้นตามเป้าหมาย
จะเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต์) เป็นไม่ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะส่งผลให้หลักทรัพย์ของบริษัทมีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่าง ๆ
และเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท คือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF)
ซึ่งจะได้รับหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าว จะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ตนถืออยู่ในบริษัทด้วยบางส่วนพร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย
28 กันยายน 2564
ผู้ชม 319 ครั้ง