WHAUP รุกสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
WHAUP รุกสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
WHAUP รุกสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าระดับภูมิภาค
ดีเดย์บริการP2P Energy Trading-กลยุทธ์M&A
บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ส่งซิกครึ่งปีหลังธุรกิจสดใส ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภค–ไฟฟ้าในประเทศ และต่างประเทศ จากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น
ตามการเปิด COD โครงการของ GSRC หน่วยผลิตที่ 2 ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า IPP–SPP เหมือนครึ่งปีแรก พร้อมเตรียมเปิดให้บริการระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading จาก Blockchain ในเร็วๆนี้
และมองหาโอกาสการทำ M&A เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต ปูทางสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค
ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2564 ว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง จากการดำเนินการให้บริการด้านสาธารณูปโภคและไฟฟ้าให้กับลูกค้าของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง
โดยแนวโน้มความต้องการใช้น้ำจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะมีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่มเติมในหน่วยผลิตที่ 2 ในไตรมาส 4 ของปีนี้
ขณะที่ครึ่งปีแรกมีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศ และประเทศเวียดนามที่จำหน่ายน้ำในโครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) เพิ่มขึ้นทำให้ยอดปริมาณการใช้น้ำรวมเท่ากับ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร
รวมทั้งบริษัทพัฒนาการนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการบำบัด และใช้ใหม่(Wastewater Reclamation) ไปผลิตเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water)
ส่งผลให้บริษัทสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) เพิ่มขึ้นใน 6 เดือนแรกของปี 2564 เป็นจำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตร
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น จากการดำเนินการของโรงไฟฟ้า IPP และ SPP ที่คาดว่าจะดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนดังเช่นในครึ่งปีแรก
รวมถึงธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จะยังคงมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยในไตรมาส 2/2564 โครงการ Solar Rooftop ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 46 เมกะวัตต์
และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Solar Rooftop รวมแล้วทั้งสิ้น 62 เมกะวัตต์ จากเป้าปี 2564 ที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าในปี 2566 จะขยายธุรกิจ Solar Rooftop ได้ครบ 300 เมกะวัตต์ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าการพัฒนาโครงการด้านนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain
รวมถึงการนำระบบกักเก็บพลังงาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในเร็วๆนี้ รวมทั้งยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) ต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต
“จากความมุ่งมั่นการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค” ดร.นิพนธ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2564 บริษัทรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่สะท้อนผลการดำเนินงานจำนวน 789 ล้านบาท และ 265 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 26% และ 44% จากไตรมาส 2 ปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 246 ล้านบาท ลดลง 23% จากไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 1,571 ล้านบาท และ 454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% และ 12% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563
ในขณะที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนการเติบโตของปริมาณยอดขายและบริหารจัดการน้ำ และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์
23 สิงหาคม 2564
ผู้ชม 514 ครั้ง