สถิติ

71531264

THREL ผลงาน 1H21 แกร่ง  

   THREL ผลงาน 1H21 แกร่ง

   กำไรสุทธิพุ่งแตะ65ล้านบาท

                              

   THREL โชว์ผลงานครึ่งแรกปี 2564 แกร่ง กำไรสุทธิพุ่ง 87% แตะ 65 ล้านบาท กวาดเบี้ยประกันภัยต่อรับเกือบ 1,500 ล้านบาท ตามการเติบโตของประกันสุขภาพ หลังผู้บริโภคตระหนักรู้ความสำคัญมากขึ้น

   ขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนสดใสรับอานิสงค์ตลาดหุ้นฟื้นตัว พร้อมกด Combined Ratio ลงต่อเนื่องเหลือ 96.7% หลังคุมเข้มความเสี่ยงรับงาน-เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่าย

   ผู้บริหารส่งซิกครึ่งปีหลังเร่งเครื่อง New S-Curve ผนึกความร่วมมือพันธมิตรพัฒนาโปรดักส์-โซลูชั่น รองรับวิถีชีวิตยุค New-Normal ล่าสุด A.M. Best คงเรตติ้ง A- สะท้อนฐานะการเงินแกร่ง

   นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตกว่า 16% แตะ 1,450 ล้านบาท

   ตามการเติบโตของประกันสุขภาพ จากกระแสการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของผู้บริโภค ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งงานประกันชีวิตแบบร่วมพัฒนา (Non-Conventional) ที่เพิ่มขึ้น 21% จากการขยายการรับงานสัญญาประกันสุขภาพ และจากสัญญาใหม่ของสัญญาประกันชีวิตแบบกลุ่มและอุบัติเหตุ

   ส่วนงานประกันชีวิตแบบดั้งเดิม (Conventional) เพิ่มขึ้น 12% จากสัญญาใหม่งานประกันสุขภาพ ขณะที่รายได้จากการลงทุนอยู่ที่ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 76% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหุ้น

   สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยและการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 9% อยู่ที่ 1,206 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการเติบโตของเบี้ยจึงมีการตั้งสำรองค่าสินไหมทดแทน (เคลม) ของสัญญาใหม่ในส่วนของงาน Non-Conventional

   ส่วนค่าใช้จ่ายงาน Conventional ปรับลดลงจากปีก่อน 33 ล้านบาท ผลจากการยกเลิกสัญญาประกันสุขภาพที่ไม่มีกำไรในช่วงก่อนหน้า ซึ่งภายใต้นโยบายการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย และคุมเข้มความเสี่ยงในการรับงาน

   เพื่อควบคุมค่าสินไหมทดแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ Combined Ratio (COR) เหลือ 96.7% ปรับลดลงต่อเนื่องจาก 98% ในช่วงเดียวกันปีก่อน

   นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) ยังยากต่อการประเมินผลกระทบที่มีต่อภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตได้อย่างชัดเจน

   ดังนั้นบริษัทจึงยังคงเฝ้าติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงในการรับงานแบบเข้มข้นมากขึ้น โดยช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เตรียมผนึกความร่วมมือพันธมิตรร่วมพัฒนาโปรดักส์ รวมถึงโซลูชั่น และโมเดลใหม่ๆ รองรับวิถีชีวิตยุค New-Normal ภายใต้แผน New S-Curve

   “แม้ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตจะได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่า “ประกันยังมีความจำเป็นอย่างมากต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค เพราะถือเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต” นายสุทธิ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ทั้งนี้ล่าสุดบริษัทยังคงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) ในระดับเดิมที่ A- หรือระดับ แข็งแกร่ง จากสถาบันจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล A.M. Best ซึ่งสะท้อนฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ตอกย้ำขีดความสามารถในการขยายงานทั้งในและต่างประเทศ สนับสนุนการเติบโตในอนาคต

 

11 สิงหาคม 2564

ผู้ชม 682 ครั้ง

Engine by shopup.com