นักวิเคราะห์ ฟันธง! SET Index แกว่งตัวสิ้นปีปิด 1647 จุด

   นักวิเคราะห์ ฟันธง! SET Index แกว่งตัวสิ้นปีปิด 1647 จุด

   ชี้ศก.โลกฟื้น-วัคซีนไทยคืบ-กำไรบริษัทจดทะเบียนโต66%

   นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า ผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 สำนัก  เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในครึ่งหลังของปี2564 สรุปได้ดังนี้

   สมมติฐานหลัก เฉลี่ยค่าการขยายตัวของGDP ไทยปี2564 ที่ 2.11% ลดต่ำลงกว่าการสำรวจครั้งก่อนที่ 3.08% อย่างไรก็ตาม สมมุติฐานด้านราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นเป็น 64.96 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ในครั้งก่อนใช้ตัวเลขเพียง 58.39 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

   ทิศทางการลงทุนในครึ่งปีหลัง จะได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมีผู้โหวตท่วมท้นถึง 85%  รองลงมาคือ แนวโน้มสถานการณ์วัคซีนในไทย มีผู้โหวต 61%

   ส่วนปัจจัยด้านลบมาจากท่าทีการลดมาตรการ QE ทั่วโลก และแนวโน้มการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯเร็วขึ้นกว่าคาดการณ์เดิม ทั้ง 2 ปัจจัยมีผู้โหวตชัดเจน ถึง 81% เท่ากัน นอกจากนั้นยังมีปัจจัยลบจาก Fund Flow ต่างชาติไหลออก และปัจจัยการเมืองไทยที่มีผู้โหวตมากเท่ากันถึง 69%

   ผลสรุปยังคาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปีนี้ ส่วนทางด้านผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปี 2564 เฉลี่ยที่ 80.87 บาทต่อหุ้น เป็นการเติบโต 66%จากปีก่อน และตัวเลขคาดการณ์ใหม่นี้สูงขึ้นกว่าการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 74.08 บาทต่อหุ้น

   ทั้งนี้คาดการณ์ว่า SET Index ในครึ่งหลังของปีจะแกว่งตัวในกรอบ 1522 ถึง 1670 จุด คาดว่าจะปิดสิ้นไตรมาส 3 ที่ 1609 จุด และปิดสิ้นปีที่ 1647 จุด

แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น

• เงินสดและเงินฝากระยะสั้น    13.92%
• กองทุนตราสารหนี้              15.27%
• หุ้นหรือกองทุนต่างประเทศ    28.58%
• หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย    26.23%
• กองทุนอสังหาฯหรือ REIT     8.98%
• ทองคำหรือกองทุนทองคำ      6.51%
• อื่นๆ    0.51%

   สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยในครึ่งปีหลังนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน ในหมวดธุรกิจอาหาร ธนาคาร รับเหมาก่อสร้าง พาณิชย์ และการแพทย์  ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจการเกษตร ปิโตรเคมี  เหล็ก และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์  

   ส่วนหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม และ สายการบิน ตลอดจน หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางบริษัทที่เคยวิ่งขึ้นกว่า 1,000% ในปีที่ผ่านมา

   นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไปยังรัฐบาลได้แก่ การเร่งกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่คุณภาพและปริมาณ จัดมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเข้าถึงสินเชื่อSMEs การลดภาษีนิติบุคคล เป็นต้น