สถิติ

71561367

ลลิลฯ Q1/64 รายได้ 1,524 ล้านบาท

   ลลิลฯ Q1/64 รายได้ 1,524 ล้านบาท

   กำไรสุทธิ320ล้านบาท ขยายตัว29.4%

                         

   บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน)  ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2564 ยังคงทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือภาพรวมอุตสาหกรรม

   สามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมทั้งยังคงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%

   นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า แม้จะมีปัจจัยลบจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง จากกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งเริ่มระบาดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ต่อเนื่องมายังต้นปี 2564 นี้   

   แต่ลลิลฯ มีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ เน้นตลาด Real Demand และใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยใส่ใจทั้งในเรื่องของคุณภาพสินค้า คุณภาพของการบริการ ตลอดจนการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าได้ในราคาที่คุ้มค่า

   จึงช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้แม้ในสภาวะที่ตลาดโดยรวมไม่เติบโต โดยในไตรมาสแรกนี้บริษัทสามารถบริหารงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้  มียอดรับรู้รายได้จาการขายที่ 1,524 ล้านบาท ขยายตัว 21.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่สวนทางกับภาวะอุตสาหกรรมที่หดตัวลง    

   นอกจากนี้บริษัทยังคงความสามารถในการจัดการต้นทุนต่างๆ ยังคงรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยมีตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 39.1% 

   ในขณะที่การบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการใช้ E-Marketing ที่เพิ่มมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายในการขายต่อยอดขาย ปรับลดลงจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4.5% ในไตรมาสปัจจุบัน ส่งผลให้ในไตรมาส1 ปี 2564 นี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 320 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.4%   

   ในแง่การบริหาความเสี่ยงทางด้านการเงิน บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม มีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ทั้งระยะสั้นและระยะยาว   ตลอดจนมีวงเงินสำรองที่ยังไม่เบิกใช้อีกกว่า 2,500 ล้านบาท  

   โดยบริษัทมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ว่าบริษัทจะมีการลงทุนขยายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 5 - 6 ปีที่ผ่านมา มีอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio ณ สิ้นไตรมาสแรก เพียง 0.64 เท่า ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดซึ่งอยู่ที่ราว 1.5 เท่าอย่างมาก   

   ในส่วนของแผนขยายธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่จำนวน 10-12 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000–7,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเปิดโครงการเพื่อการทดแทนโครงการเดิมที่จะทยอยปิดโครงการไป  

   ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 3,550 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ รวมเป็นมูลค่าโครงการทั้งสิ้นราว 4,600 ล้านบาท

   โดยการขยายธุรกิจบริษัทมีการดำเนินการด้วยระมัดระวัง มีการทยอยเปิดโครงการเพื่อประเมินผลตอบรับของตลาด มีการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดระลอกสามเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสถานการณ์

 

17 พฤษภาคม 2564

ผู้ชม 718 ครั้ง

Engine by shopup.com