7UP อวดงบQ1/64 กำไรสุทธิโต 205%

   7UP อวดงบQ1/64 กำไรสุทธิโต 205%

   คุมต้นทุนอยู่หมัด!-คงเป้ารายได้2,000ลบ.

   7UPเปิดงบไตรมาสแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 103.60 ล้านบาท โตแรง 205.96% ยอมรับโควิด-19 กระทบรายได้หด แต่ความสามารถทำกำไรยังคงแกร่ง ยืนยันเป้าหมายรายได้ปีนี้ 2,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่ม ด้วยฐานะการเงินแกร่ง อวดD/E ต่ำ เพียง 0.43 เท่า

   นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า  ผลประกอบการของบริษัทสำหรับงวดไตรมาส 1 ของปี 2564 มีกำไรสุทธิ มีจำนวน 103.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.73 ล้านบาท

   หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 205.96% โดยพบว่ากลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีและน้ำมัน กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค กลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือก ยังคงสร้างผลกำไรให้กับบริษัท

   นอกจากนี้บริษัทให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย โดยพบว่าต้นทุนขายและบริการสำหรับไตรมาส 1 ของปี 2564 นี้ มีจำนวน 153.97 ล้านบาท ลดลง 32.62% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

   อย่างไรก็ตามในแง่ของรายได้รวมมีจำนวน 187.86 ล้านบาท ลดลง 48.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว การขนส่งและการเดินทาง ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีและน้ำมันลดลง ส่งผลกระทบต่อรายไ

   ด้ของธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีและน้ำมัน มีจำนวน 150 ล้านบาท ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้จากการให้บริการปรับปรุงคุณภาพน้ำ มีจำนวน 12.68 ล้านบาท

   “บริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะยังคงทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คาดว่าจะมีรายได้จำนวน 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 40% เนื่องจากบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้เศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ของการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19” นายมนต์เทพ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ทั้งนี้ ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,441.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.32% เนื่องจากขาดทุนสะสมลดลง 103.30 ล้านบาท

   ส่งผลให้มีขาดทุนสะสมเหลือ จำนวน 103.55 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในนโยบายของบริษัทต้องการเร่งล้างผลขาดทุนสะสมให้หมดโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสร้างผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหุ้น

   บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีศักยภาพในจัดหาเงินลงทุนเพื่อรองรับการลงทุน อีกทั้งใช้นโยบายในการจัดหาแหล่งลงทุนจากสถาบันการเงินและจัดหาผู้ร่วมลงทุนที่มีความรู้ความสามารถในกลุ่มธุรกิจนั้น ๆ

   ประกอบกับกลุ่มบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(D/E) อยู่ที่ระดับ 0.43 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยที่ระดับ 14.13 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน