RS กางแผนปี64ทะลุ!5,700ลบ.สวนโควิด-19
RS กางแผนปี64ทะลุ!5,700ลบ.สวนโควิด-19
RS กางแผนปี64ทะลุ!5,700ลบ.สวนโควิด-19
ชู!กลยุทธ์M&Aต่อยอดกำไรสุทธิก้าวกระโดด
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป โชว์แผนปี 2564 นี้เดินหน้าโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ร่วมกับการเติบโตของกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซซึ่งสอดรับกับเมกะเทรนด์สำคัญของโลก ดัน!กำไรสุทธิโต 12-14%
พร้อมชูหมัดเด็ดวางงบลงทุนควบรวมปีนี้กว่า 700-800 ล้านบาท ขับเคลื่อน 1-2 ดีล จากการการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ ประเดิม!ธุรกิจการเงินปล่อยสินเชื่อหลังร่วมทุนพันธมิตรใหม่
ลั่น!กลยุทธ์ M&A ต่อยอดกำไรสุทธิอีก 20-30% จากเป้าหมายเดิม 12-14%ผลักดันบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด สร้าง All Time High และมีรายได้รวมทะลุ 5,700 ล้านบาท
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ทำให้ประกอบการในปีที่ผ่านมา สามารถทำรายได้นิวไฮได้อย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 นี้ แม้โควิด-19 ยังกลับมาระบาดระลอกใหม่ แต่อาร์เอส กรุ๊ป มีความพร้อมความเข้าใจในการรับมือ และมีความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ โดยในปี 2564 นี้ อาร์เอส กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้จำนวน 5,700 ล้านบาท
โดยมาจากธุรกิจคอมเมิร์ซ 4,000 ล้านบาทและธุรกิจสื่อและบันเทิงอีก 1,700 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 12-14% โดยเชื่อมั่นว่าปัจจัยที่จะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้งมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1) การพัฒนาต่อเนื่องของ อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) ซึ่งสอดรับกับเมกะเทรนด์สำคัญของโลกและการเติบโตของดาต้าเบส ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้า 1.6 ล้านราย และคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 2 ล้านราย ณ สิ้นปี 2564
2) การเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัทไลฟ์สตาร์ ด้วยการออกสินค้าประเภทใหม่ๆ สู่ตลาดทุกช่องทางที่ไม่ได้ขายเพียงช่องทาง อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) เท่านั้น
3) การสร้างรายได้เพิ่มจากกลยุทธ์ Content-Driven ผ่านทางช่อง 8, COOLISM และ RS Music 4) การทำ Mergers and Acquisitions (M&A) จากการ Synergy กับโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยในแต่ละธุรกิจมีการวางกลยุทธ์ ดังต่อไปนี้
ธุรกิจคอมเมิร์ซ
อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) แพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าและบริการในหลากหลายกลุ่ม เพื่อเติมความสุขให้ทุกชีวิต โดยตั้งเป้าในการเป็นพันธมิตรทางด้านสุขภาพให้กับลูกค้า ซึ่งเมกะเทรนด์ที่สำคัญในปีนี้มุ่งเน้นไปที่การดูแลและใส่ใจในเรื่องสุขภาพ และกลุ่มคนรุ่นเก่า (Silver Generation หรือ Young Old)
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เป็นหัวใจสำคัญของ Business Model ของอาร์เอส มอลล์ สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ อาร์เอส มอลล์ ตั้งเป้าไว้ที่ 30% จาก Inbound ที่มาจากช่อง 8 ช่องทีวีดิจิทัลพันธมิตร และช่องทีวีดาวเทียม ช่องทาง Outbound จากเทเลเซลล์ และเติบโต 2 เท่าสำหรับช่องทางออนไลน์
บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด
ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามระดับโลก ในปีนี้นับเป็นปีที่ก้าวกระโดดของไลฟ์สตาร์ เนื่องจากจะมีการเสนอสินค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพและเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ โดยเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ เข้าสู่ Mass Market อย่างเต็มตัว
การเปิดตัวและก้าวสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ Functional Drink ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูง และอาหารสัตว์เลี้ยง โดยไลฟ์สตาร์จะขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า ผ่าน Mass Market หลากหลายช่องทาง วางขายผ่าน E-Commerce และยังคงจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไลฟ์สตาร์ผ่าน อาร์เอส มอลล์ ด้วย
ธุรกิจสื่อและบันเทิง
สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
ชูกลยุทธ์ Content-Driven Marketing ผลิตคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จัดวางแต่ละคอนเทนต์ในช่วงเวลาและเลือกใช้วิธีที่เข้าถึงผู้ชมตามกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการจัดวางคอนเทนต์อย่างเหมาะสมให้เข้าถึงง่ายในแต่ละช่องทาง
ดำเนินตามกลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากปีก่อน ซึ่งทำให้ช่อง 8 แตกต่างจากช่องทีวีดิจิทัลอื่น เพราะเป็นช่องเดียวที่มีรายได้ทั้งจากการโฆษณา รายได้จาก RS Mall หรือธุรกิจคอมเมิร์ซของบริษัท รายได้จากการจัดอีเว้นท์ และรายได้จากการขายคอนเทนต์
สู่การทำรีเมคออริจินัล คอนเทนต์ ทั้งการรับชมผ่านทาง Official account ของช่อง 8 เอง และผ่านพันธมิตรอื่นๆ ด้วย จากกลยุทธ์หลักที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ที่ถูกต้อง คาดว่าจะสร้างยอดการเข้าถึงผู้ชมในแต่ละช่องทางรวมกันมากกว่า 50 ล้านคน ณ สิ้นปี 2564
COOLISM
มุ่งเน้นกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่งที่ผู้ฟังเหนียวแน่นทั้งบนออนแอร์และออนไลน์รวมกันกว่า 3.7 ล้านคน เจาะกลุ่มพรีเมียมแมสที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจนผ่านไลฟ์สไตล์การกิน เที่ยว ช้อปปิ้งออนไลน์ และชมอีเว้นท์ต่างๆ
ขยายฐานสู่ Young Generation ผ่านการพาร์ทเนอร์กับออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆ และธุรกิจ COOLive ที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจเพลง จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมตลอดทั้งปี เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าทุกแพลตฟอร์ม รักษาเรตติ้งอันดับหนึ่ง
นอกจากนี้ยังต่อยอดโมเดล Entertainmerce ด้วยการพัฒนาเมนูช้อปปิ้ง COOLanything ทั้งบนแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนฟังให้ช้อปปิ้งและฟังเพลงไปพร้อมกับการคัดสรรสินค้าและโปรโมชั่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ฟัง COOLfahrenheit
RS Music
ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลงที่แข็งแรงและการกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งจนเกิดกระแส "โตมากับอาร์เอส" เน้นการเพิ่มมูลค่าจากโซเชียลมีเดียของแต่ละศิลปิน ทั้งศิลปินใหม่ 9 คนจาก 3 ค่ายเพลง
รวมถึงศิลปินเดิมที่มีฐานผู้ฟังเหนียวแน่น พัฒนาขึ้นเป็น influencer จากไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และต่อยอดสู่การเป็น business partner ตามโมเดล Music Star Commerce รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ
การเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด
นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2564 ได้วางงบประมาณไว้กว่า 700-800 ล้านบาท สำหรับการหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1 - 2 ดีลภายในปีนี้ที่มีธุรกิจขนาด 300-600 ล้านบาท
เพื่อต่อยอดจากโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และทำให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นจากกลยุทธ์ M&A ที่วางไว้จะสามารถต่อยอดกำไรให้กับอาร์ เอส กรุ๊ป ได้อีก 20-30% ในปี 2564-2565 จากเป้าหมายปกติที่ตั้งไว้ปีนี้ 12-14%
โดยล่าสุดการทำ Mergers and Acquisitions (M&A) กับบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัดด้วยการถือหุ้น 35% จำนวน 920 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” สร้างการเติบโตในแนวราบ
จากภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น .ในขณะที่ผลประกอบการช่วงที่ผ่านมาของ เชฎฐ์ เอเชีย นั้นมีรายได้ 700 ล้านบาท และมีกำไรที่ 200 ล้านบาท
ดังนั้นบริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยใช้โอกาสนี้ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของอาร์เอส เพื่อให้ลูกค้า RS Mall สามารถซื้อสินค้าหรือผ่อนชำระสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้นจากปกติที่ 2,000 บาท เป็น 20,000 บาท
และร่วมมือกันเสริมศักยภาพกลุ่มบริษัทเชฎฐ์ให้เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ และปูทางเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯในอีก 2 ปีข้างหน้าเพื่อเร่งการระดมทุนและจะช่วยสนับสนุนทำให้กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ภายใน 2 ปี
โดยวางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจใหม่นี้ไว้ปีละ 20-25% ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่ออยู่จำนวน 27,000 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะสามารถประมุลหนี้เข้ามาบริหารได้ 10,000 ล้านบาท โดยที่ต้นทุนในการประมูลอยู่ที่ 5-10%
27 มกราคม 2564
ผู้ชม 1405 ครั้ง