J&C กางยุทธ์ศาสตร์ O-2-O-2-M สู้ศึก!ดิจิทัล
J&C กางยุทธ์ศาสตร์ O-2-O-2-M สู้ศึก!ดิจิทัล
J&C กางยุทธ์ศาสตร์ O-2-O-2-M สู้ศึก!ดิจิทัล
ทุ่ม200ลบ.ลงทุนไอที-ลดต้นทุน-บุก!แฟรนไชส์
โชว์กึ๋น!17ปี วางระบบไอทีเฉียด!200ลบ.
สร้างโมเดลธุรกิจแบบ OMNI Channel
ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(J&C) และบริษัทในเครือ กล่าวว่า ในการดำเนินธุรกิจตลอด 17 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ทางธุรกิจตลอดเวลา ซึ่งในการก้าวย่างสู่ปีที่ 18 นี้ จอยแอนด์คอยน์ (J&C) ก็ได้มีการปรับตัวทางธุรกิจเข้าสู่ S Curve ใหม่ในยุคดิจิทัล
หลังจากที่ตลอด 17 ปีที่ผ่านมาได้มีการลงทุนและพัฒนาด้านระบบไอทีเพื่อรองรับการตลาดและการบริการลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องปีละกว่า 10 ล้านบาทหรือรวมแล้วลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาททางด้านนี้ และในปัจจุบันได้ปรับกลยุทธ์ระยะยาวในช่วง 3 ปีนับจากปี 2562 ปีนี้ไปจนถึงปี 2565
ด้วยการพัฒนาให้ก้าวไปอีกขั้นจากจุดเดิมที่ได้มุ่งเน้นพัฒนา O-2-O หรือ Online to Offline มาอย่างต่อเนื่องก็พร้อมพัฒนาต่อยอดไปสู่ O-2-O-2-M หรือ Online to Offline to Modern Marketing หรือ Modern MLM
ภายใต้แนวทางการพัฒนาและสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆที่เป็นแพลตฟอร์ม (Platform) ที่มี features เพิ่มมากมาย เพื่อช่วยให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมธุรกิจสามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสั่งซื้อสินค้าเป็นการ Delivery ที่เป็น OMNI Channel หรือจะเป็นเรื่องการไลฟ์สด, Lives Video, Share Video ที่เกี่ยวกับประสบการณ์
หรือเป็น e-learning ที่ช่วยให้คนมาเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจ จอยแอนด์คอยน์ (J&C) กันมากขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้แอพพลิเคชั่นที่เป็นคู่มือในธุรกิจของตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานที่ โดยล่าสุดได้มีการติดปีกเทคโนโลยีให้กับผู้นำธุรกิจด้วยแอปพลิเคชั่น J C Mcommerce ที่เป็นเครื่องมือในการทำตลาด สินค้าและบริการที่ครบวงจร
ปี 63 กลยุทธ์ O-2-O-2-M แผลงฤทธิ์!
ดร.สมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาต่อยอดไปสู่ O-2-O-2-M (Online to Offline to Modern Marketing) ของ จอยแอนด์คอยน์ (J&C) ถือเป็นการต่อยอดทุกอย่างให้เชื่อมโยงกันได้ทั้งหมด และสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันแบบ Benefit Sharing ได้อย่างลงตัว
โดยเริ่มจากปี 2562 และปี 2563 ที่จะพัฒนาทุกอย่างให้ได้อย่างเต็มรูปแบบทั้งจากแพลตฟอร์ม (Platform) แอพพลิเคชั่น (Application) และโมเดลทางธุรกิจ (Business Model) ที่มี รวมไปจนถึงการค้นหาประโยชน์ที่ผู้มีส่วนร่วมทางธุรกิจ (Stakeholders) ทั้งหลายต้องการ
เพื่อสามารถทำให้ประโยชน์หรือ Benefit แบ่งสรรปันส่วนได้อย่างลงตัวโดยผนวกรวมให้เป็นหนึ่งเดียว สู่เป้าหมายของ จอยแอนด์คอยน์ (J&C) ในปี 2565 ซึ่งเป็น“มายด์แม็ป (Mind Map)” ที่จะนำสู่ “คีย์ซัคเซส (Key Success)” ในการขับเคลื่อนนำพาการเติบโตทางธุรกิจของ จอยแอนด์คอยน์ (J&C) ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
แบไต๋!รัดเข็มขัด-ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่
ลดต้นทุน-พนง.-สาขา-ปูพรม!แฟรนไชส์
ดร.สมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2561 ที่ผ่านมา จอยแอนด์คอยน์ (J&C) สามารถรักษายอดขายให้เติบโตได้ที่ 1% จากสภาพการแข่งขันและการปรับโครงสร้างทางธุรกิจเพื่อเป็นไปตามแผนงานการเติบโตภายใต้ S Curve ใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
โดยในปีที่ผ่านมาสามารถลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 50 ล้านบาท จากการลดโปรโมชั่นและลดผลตอบแทนหรือ Incentive ในบางเรื่องลงมาแต่ก็ยังสามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ดังเดิม รวมทั้งการลดจำนวนบุคลากรปีละ 100 คนตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยมีพนักงานกว่า 500 คนก็เหลือ 300 คนในปัจจุบัน
ควบคู่ไปกับการลดจำนวนสาขาลงมาปีละ 10 สาขา จากที่มีอยู่ 60 สาขาก็เหลือ 40 สาขาในปัจจุบัน โดยได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจมาเป็นในรูปแบบแฟรนไชส์แทน ส่งผลให้ปัจจุบันมีอยู่กว่า 126 แฟรนไชส์
ทั้งนี้เพราะสามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจจากที่การมีสาขานั้นสามารถสร้างยอดขายได้เดือนละ 1 ล้านบาท ในขณะที่แฟรนไชส์ที่เป็นผู้ประกอบการอาชีพอิสระกลับสามารถสร้างยอดขายได้เดือนละ 4 ล้านบาท เป็นต้น
“ปัจจุบันช่องทางการตลาดออนไลน์หรืออี คอมเมิร์ซ เริ่มมีการแข่งขันกันรุนแรงแบบ Red Ocean ดังนั้น จอยแอนด์คอยน์ (J&C) จึงมีการปรับกลยุทธ์ไปตามสถานการณ์ จากเดิมที่วางแผนในการทำตลาดด้วยการขยายสาขาเพื่อให้บริการที่ครอบคลุมแบบ 7-Eleven แต่ก็ไม่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจ
ดังนั้นจึงได้มีการปรับกลยุทธ์และโครงสร้างทางธุรกิจใหม่โดยการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานช่องทางการขายออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันแบบ Omni Channel รวมทั้งการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ทดแทนการขยายสาขาในปัจจุบัน” ดร.สมชาย กล่าวสรุป
12 มีนาคม 2562
ผู้ชม 2022 ครั้ง