"เสือ" ชงกลยุทธ์ S.M.A.R.T. Craftsmanship สู้ศึกข้ามชาติ
"เสือ" ชงกลยุทธ์ S.M.A.R.T. Craftsmanship สู้ศึกข้ามชาติ
"เสือ" ชงกลยุทธ์ S.M.A.R.T. Craftsmanship สู้ศึกข้ามชาติ
ปรับตัว/ผนึกแบรนด์ดังเข้าถึงคนรุ่นใหม่-รุก!ตลาดสีพรีเมียม
“เสือ” ประกาศกลยุทธ์การตลาดและแบรนด์ ชูแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ขับเคลื่อนธุรกิจปูนซีเมนต์สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายหลักในการยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นำเสนอนวัตกรรมการก่อสร้างทุกการใช้งานให้ตอบโจทย์ทุก Segment ทั้งแนวสูง และแนวราบ พร้อมมุ่งพัฒนายกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานช่างก่อสร้างสู่มาตรฐานสากล
“เสือ” ปักธงผู้นำตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอย่างยั่งยืน ภายในปี 2568
นายนพพร กีรติบรรหาร Chief Marketing Officer-Marketing and Branding Cement and Green Solutions Business บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือ "เสือ" เปิดเผยว่า กลยุทธ์ทางการตลาด และแบรนด์ ปูนตราเสือ มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการครบทุกมิติตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม
โดยมีพันธกิจหลักคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำเสนอระบบการใช้ผลิตภัณฑ์ Wall & Floor Application System ให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพครบวงจร สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ และการสนับสนุน พัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสสร้างให้ได้มาตรฐานระดับสากล
ทั้งนี้หลังจากอยู่ในตลาดมาได้กว่า 109 ปีแล้ว แต่การจะทำให้แบรนด์ "เสือ" ยังสามารถยืนอยู่ได้ในตลาดต่อไปได้อีก 100 ปีนั้น สิ่งสำคัญคือต้องมีการปรับตัวเพื่อรับการแข่งขันของคู่แข่ง โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ "เสือ" จึงต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อให้มีความครอบคลุมและครบวงจรสำหรับลูกค้า
โดยเมื่อปีที่ผ่านมา "เสือ" ได้มีการเปิดตัวเพื่อทำตลาดสีระดับพรีเมียมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดที่สัดส่วน 10% ของมูลค่ารวมตลาดนี้ รวมถึงการร่วมมือกับแบรนด์ Wrangler ระดับโลก ออกคอลเลคชั่นเสือผ้าตรา "เสือ" ออกมาด้วย
นายนพพร กล่าวต่อไปว่า ในการปรับตัวและกลยุทะ์เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวนั้นได้มีการชูแนวคิด S.M.A.R.T. Craftsmanship ของ "เสือ" ครอบคลุม 5 มิติหลัก ดังนี้
- Sustainable Products : "เสือ" มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการผลิต ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้รับรองฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับสากล EPD (Environmental Product Declaration) ช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาด เป็นการรับรองมาตรฐานข้อกำหนดในหลายประเทศที่ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กลุ่มผลิตภัณฑ์ปูนตราเสือที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากร ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ผสม, มอร์ตาร์, กาวซีเมนต์, ซีเมนต์ตกแต่ง,สี และน้ำยาเคมีภัณฑ์ต่างๆ
- Multi Solutions : "เสือ" ปรับ Product & Service Portfolio ให้ตอบสนองการใช้งานทุกรูปแบบการก่อสร้าง (RCIF) (Residentail ที่พักอาศัย, Commercial อาคารสูงและห้างร้าน, Industrial โรงงานอุตสาหกรรม และ Infrastructure โครงสร้างพื้นฐาน) ในรูปแบบ Wall and Floor Application System ด้วยระบบการใช้งานและนวัตกรรมที่หลากหลายในทุก Segment ทั้งแนวราบและแนวสูง ครอบคลุมงานระบบผนังและพื้น งานระบบปูกระเบื้อง ระบบงานซ่อมแซม งานทาสี งานระบบกันซึม การฉาบพื้นผิว และงานตกแต่ง เป็นต้น
- Artful Architecture : "เสือ" ตอบโจทย์งานสถาปัตยกรรม ทั้งผนังและพื้นให้สวยงามและมีมิติ ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ตกแต่ง และอื่นๆ ด้วย Tiger Lifestyle ถูกนำเสนอออกมา เป็นเชิงการใช้งานรูปแบบและสไตล์ต่างๆ ทั้งงาน และ “เสือ” ขยายศักยภาพแบรนด์เป็นมากกว่าปูนซีเมนต์ ด้วย “Tiger Brand Commerce” เช่น โครงการ คิดจากถุง ด้วยการนำถุงปูนรอทำลายมารีไซเคิลเป็นกระเป๋าสุดชิค การทำ Collaboration Project ต่างๆ เช่น Tiger x Phannapast, Tiger x Bangkok Tales, Tiger x Wrangler และยังร่วมกับดีไซน์เนอร์ไทยรุ่นใหม่ Renim Project จนได้ไปจัดแสดงที่ LA Fashion Week และ Tikky Wow
- Raising Standard of Construction : "เสือ" มุ่งพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสร้างอย่างครบวงจร ทั้งองค์ความรู้ ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ การนำเทคโนโลยี และเครื่องมืออันทันสมัย รวมถึงสามารถเรียนรู้ผ่าน VR Showroom และ Online E-Learning ผ่านสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี ด้วยกลยุทธ์ 4M ได้แก่ Man (พัฒนาทักษะแรงงาน) Machine (พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยี) Method (พัฒนาขั้นตอนการทำงาน) และ Material (พัฒนาปูนซีเมนต์และวัสดุใหม่)
นอกจากนี้ "เสือ" ยังร่วมมือกับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจพัฒนาเครื่องมือ Smart Tiger Tool ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานผนังและพื้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น เครื่องพ่นฉาบผนังปูนซีเมนต์ เครื่องยนต์ดีเซล (TORA S-ONE), เกรียงก่ออิฐพันปี, เกรียงก่ออิฐมวลเบา, เครื่องวัดความพร้อมก่อนปั่นหน้าปูน และเครื่องปั่นหน้าปูน ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร
- Trusted Partnership : "เสือ" สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง เชื่อมโยงเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือข่ายช่างปูนและผู้รับเหมา สถาปนิก โดยปัจจุบันมีดีลเลอร์กว่า 400 แห่ง และซับ ดีลเลอร์ อีก 10,000 แห่ง พันธมิตรอีก 30 แห่ง บริษัทอสังหาฯกว่า 20 แห่ง และบริษัทอสังหาฯท้องถิ่นอีกกว่า 100 แห่ง ทั้งนี้เพื่อต่อยอดโอกาสทางการตลาด และการเพิ่มขีดความสามารถในงานก่อสร้างผนังและพื้นด้วยความเชื่อมั่นตลอดทั้งห่วงโซ่ (Value Chain) โดยได้ร่วมพัฒนาพันธมิตร (Co-Develop) ได้แก่ TACT และ KUBOTA: เครื่องพ่นฉาบผนังปูนซีเมนต์ เครื่องยนต์ดีเซล TORA S-ONE และ Rothenburg Group: เกรียงก่ออิฐพันปี รวมถึง SC Asset: ยกระดับคุณภาพงาน ลด Defect และ Waste ในโครงการและมีแผนความร่วมมือพัฒนาองค์ความรู้ด้านงานผนังและพื้นในอนาคตกับ ช.การช่าง: ด้านเทคนิคการฉาบปูนบนผนังอิฐกำลังอัดสูง โครงการเขื่อนหลวงพระบาง สปป.ลาว
"เสือ" ปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ สร้างระบบนิเวศครบวงจร ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทุก Segment
นอกจากนั้น “เสือ” ยังวางแผนปรับพอร์ตผลิตภัณฑ์ ให้หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทุกประเภทการก่อสร้าง ทั้งแนวสูงและแนวราบ ตั้งแต่ผู้ใช้งานทั่วไปจนถึงเจ้าของโครงการ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างทุกขนาด
พร้อมขยายโอกาส และสร้างความเชื่อมั่นที่คงความแข็งแกร่ง และมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน ตอบโจทย์ตลาดและเทรนด์ในอนาคต รวมถึงการมุ่งยกกระดับพัฒนาทักษะฝีกมือแรงงานช่างก่อสร้าง อย่างต่อเนื่องให้เทียบชั้นมาตรฐานสากล
เทรนด์ที่ส่งผลกระทบและเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างวันนี้
นายนพพร กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพูดถึงความท้าทายนับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ “เสือ” ปรับตัวมาตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยเมกะเทรนด์ในประเทศไทยวันนี้มีอยู่ 3 มิติ ได้แก่
1.โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเห็นว่าประเทศไทยเราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) มากขึัน การพัฒนาที่อยู่อาศัย ห้องต่างๆต้องปรับตัวรองรับกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น
2. Health & Wellness มากขึ้น ผู้คนให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ ดังนั้นบ้านต่างๆ จึงต้องตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ และ 3. การใช้พลังงานทุกบ้านก็เริ่มให้ความสำคัญเรื่องของการใช้และการประหยัดพลังงาน ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายขององค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง
นอกจากนี้การขับเคลื่อนของเทคโนโลยีภาคการก่อสร้าง ซึ่ง AI เข้ามาตอบโจทย์และมีบทบาท รวมถึงควอนตัมคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีนี้สามารถประมวลผลได้เร็ว ด้วยปัจจัยด้านแรงงานที่หายาก คุณภาพฝีมือแรงงานไม่ได้ ต้นทุนการก่อสร้างแพงขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีเหล่านี้จึงมีการนำมาใช้ในการก่อสร้างมากขึ้น
“ดังนั้น "เสือ" ก็จะเริ่มเห็นระบบการก่อสร้างแบบใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งเวลา ต้นทุน คุณภาพ ที่มาพร้อมกับความกรีนเพื่อความยั่งยืน ตอบโจทย์เรื่องของไลฟ์สไตล์ใหม่
ในปัจจุบันมีการใช้นำวัสดุมอร์ตาร์มาเป็นส่วนประกอบสำหรับเทคโนโลยีที่เรียกว่า “3D Printing” ช่วยปฏิวัติวงการก่อสร้างด้วยวิธีการก่อสร้างที่รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการเรียงชั้นปูนอย่างแม่นยำ
เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างที่ซับซ้อนและทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเศษวัสดุที่เกิดจากการก่อสร้างน้อยที่สุดและใช้แรงงานลดลง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการผลักดันขอบเขตของสถาปัตยกรรมและการพัฒนาในยุคปัจจุบัน” นายนพพร กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
"เสือ" ผลักดันพัฒนาทักษะฝีมือช่างก่อสร้าง สร้างเครือข่ายช่างก่อสร้างคุณภาพ
นอกจากนั้น "เสือ" ยังเล็งเห็นปัญหาขาดแคลนแรงงานมีฝีมือในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จึงก่อตั้งสถาบันเทคโนโลยีผนังและพื้น ตราเสือ จ.สระบุรี (Tiger Wall and Floor Technology Center) ศูนย์รวบรวมองค์ความรู้งานก่อสร้างงานผนังและพื้นที่ทันสมัย โดยในอนาคตมีแผนจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมเพิ่มที่จังหวัดลำปางและนครศรีธรรมราช
ทั้งนี้เพราะ "เสือ" เชื่อมั่นว่าการพัฒนาบุคลากรคือ หัวใจสำคัญในการยกระดับวงการก่อสร้างไทยมุ่งมั่นสร้างช่างฝีมือก่อสร้างที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยให้เทียบเท่าระดับสากล
09 พฤษภาคม 2568
ผู้ชม 120 ครั้ง