สถิติ

73481725

กรมสรรพสามิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย OR บางจาก   

หมวดหมู่: การเงิน

   กรมสรรพสามิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย OR บางจาก 

   ลงนาม MOU บูรณาการความร่วมมือขับเคลื่อนภาษีคาร์บอน  

   ดร. เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดย กรมสรรพสามิต คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

   ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน โดยมุ่งส่งเสริมด้านพฤติกรรมการใช้พลังงานที่เอื้อต่อการเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

   ผ่านการบูรณาการการจัดกิจกรรมและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อมูลและผลงานวิจัย ด้วยการพัฒนากลไกติดตามพฤติกรรมการใช้พลังงาน และสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น (PTT Station) และ สถานีบริการน้ำมันบางจาก ถนนวิภาวดีรังสิต

   ดร. เผ่าภูมิ กล่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. .... โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน

   เป็นการกำหนดให้มีกลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งเป็นกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Pricing) แรกของประเทศไทย

   ที่แสดงสัดส่วนของต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ ภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยสามารถคำนวณได้จากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor)

   ซึ่งเป็นค่าที่สามารถคำนวณได้ทางวิทยาศาสตร์คูณกับราคาคาร์บอน (Carbon Price) ที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าซึ่งภาครัฐเป็นผู้กำหนด

   ทั้งนี้เพื่อให้ภาครัฐสามารถใช้มาตรการทางภาษีนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

   และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้

   หม่อมหลวงปีกทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า ความร่วมมือของ OR กรมสรรพสามิต และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

   สร้างความตระหนักรู้เรื่องภาษีคาร์บอนของผู้ใช้พลังงาน ด้วยความห่วงใยต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ทางด้านนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาษีคาร์บอน ซึ่งมาตรการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภคแต่อย่างใด

   อีกทั้งยังเป็นการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการออกกฎกระทรวงกำหนดกลไกราคาคาร์บอนในภาษีน้ำมันในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ทั้งนี้ OR จะให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานรวมถึงทรัพยากรตามที่ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงร่วมกัน

   นอกจากนี้ความร่วมมือดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ โดยเฉพาะด้าน G: Green ที่มุ่งสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาดและการสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืนอีกด้วย

   นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนผ่านภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ถือเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกในการใช้มาตรการภาษีเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  

   ซึ่งบางจากฯ ในฐานะองค์กรพลังงานชั้นนำของไทย มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอน สนับสนุนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน และพัฒนากลไกติดตามพฤติกรรมการใช้พลังงานของผู้บริโภค ร่วมกับกรมสรรพสามิต และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

   โดยมีเป้าหมายหลักคือส่งเสริมความเข้าใจเรื่องภาษีคาร์บอนให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ส ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันบางจากที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

   มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง โดยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ภายใต้แคมเปญ “ต้นไม้ของคุณ”

   ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ส ทำให้ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้น้ำมันรักษ์โลกเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งบางจากฯ ได้ดำเนินโครงการด้านนี้มาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี

   สำหรับโครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนนี้ จะเริ่มสื่อสารตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างวิจัยประมาณ 3,500 ราย ภายในระยะเวลา 3 เดือน

   เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ประเมินผลสัมฤทธิ์ของการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีคาร์บอน และใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานในอนาคต เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero และสร้างโลกยั่งยืน 

   ดร. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

   อีกทั้งยังได้นำข้อมูลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาศึกษาวิเคราะห์และประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการดังกล่าวเพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายในอนาคต กระทรวงการคลัง

   โดยกรมสรรพสามิตได้รับความร่วมมือจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำร่องการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภค

   โดยแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ สำหรับ  พีทีที สเตชั่น และผ่าน Bangchak Mobile Application ของบริษัท บางจากฯ

   โดยการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ประชาชนจะรับทราบว่ามีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดการปล่อย Co2 ในระยะยาวได้

09 กุมภาพันธ์ 2568

ผู้ชม 133 ครั้ง

Engine by shopup.com