โตชิบา กางแผนรุกตลาดปี68 ส่งสินค้าใหม่53รุ่น โต25%
โตชิบา กางแผนรุกตลาดปี68 ส่งสินค้าใหม่53รุ่น โต25%
โตชิบา กางแผนรุกตลาดปี68 ส่งสินค้าใหม่53รุ่น โต25%
สู้สงครามราคารักษาส่วนแบ่ง เล็ง!ย้ายฐานผลิตจีนมาไทย
โตชิบา ไทยแลนด์ โตทะลุเป้าต่อเนื่อง 5 ปี เร่งเครื่องพร้อมโตต่อเนื่อง ลุยปี 68 เปิดตัวสินค้าใหม่ จับตลาด Mid to High ปรับลดราคา 10-15% แข่งแบรนด์ข้ามชาติรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด แนะนำแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคนใหม่ "ทาคาชิ โซริมาจิ" พระเอก นักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่น
มร.อเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (รวมตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านขนาดเล็กไม่รวมทีวี) ในประเทศไทย ปี 2567 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 83,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 9% และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 21 ล้านเครื่อง เติบโตราว 4%
โดยแบ่งประเภทสินค้าเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าชิ้นใหญ่ (Major Appliance) ซึ่งประกอบด้วย ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าตลาดประมาณ 65,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตถึง 11% และเมื่อดูเป็นจำนวนเครื่อง มีประมาณ 5.6 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 8%
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดสินค้าชิ้นใหญ่เติบโตได้ดี ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนมากในช่วงหน้าร้อน ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างสูง
ในขณะที่สินค้ากลุ่มที่ 2 ได้แก่สินค้าขนาดเล็ก (Small Appliance) อาทิ หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม เป็นต้น มีมูลค่าตลาดประมาณ 18,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตทรงตัว
และจำนวนเครื่องประมาณ 15.4 ล้านเครื่อง เติบโตประมาณ 3% อย่างไรก็ตามสินค้าชิ้นเล็กไม่เติบโตตามคาด เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง
ในส่วนผลการดำเนินงานของ โตชิบา ไทยแลนด์ มร.อเล็กซ์ มา เปิดเผยว่า ปี 2567 เป็นปีที่บริษัทฉลองครบรอบดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาครบ 55 ปี โดยผลประกอบการรวมเติบโตสูงถึง 24% ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้มาก
โดยกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้สูงสุดให้แก่บริษัท ได้แก่ สินค้ากลุ่มตู้เย็น มีอัตราการเติบโต 20% รองลงมาได้แก่กลุ่มเครื่องซักผ้า เติบโตถึง 39% ในขณะที่กลุ่มสินค้าอื่น เช่นกลุ่มเตาอบไมโครเวฟ เติบโต 21% กลุ่มสินค้าหม้อหุงข้าว และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโต 10%
กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับน้ำ อาทิ เครื่องทำน้ำอุ่น ทรงตัว สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ แม้โตชิบาจะไม่เติบโต แต่ภาพรวมตลาดติดลบเกิน 10% เนื่องจากอากาศไม่เอื้ออำนวย
และกลุ่มสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศ เติบโต 82% เพียงแต่สัดส่วนการขายไม่มาก และตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2567) โตชิบา สามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 5 ปี ได้ถึง 15%
และหากสามารถเติบโตในอัตราที่สูงกว่าตลาดรวมในระดับนี้ได้ต่อเนื่องอีก 3 ปี โตชิบา ก็จะสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ภายใต้การเติบโตของตลาดรวมในระดับปัจจุบัน
ในขณะที่แนวทางการลดต้นทุนทางธุรกิจและการตั้งโรงงานการผลิตนั้นปัจจุบัน โตชิบา มีการผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าอยู่ในประเทศไทยแล้วมากกว่า 50% และมีแนวคิดที่จะตั้งฐานการผลิตสินค้าจากจีนมาที่ไทยด้วยเช่นกัน
มร.อเล็กซ์ กล่าวต่อไปว่า จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบัน โตชิบา มีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยกลุ่มสินค้าไมโครเวฟ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยแชร์ 29%
กลุ่มตู้เย็น อันดับ 2 ด้วยแชร์ 15.9% กลุ่มหม้อหุงข้าว อันดับ 2 ด้วยแชร์ 9% และกลุ่มเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ด้วยแชร์ 11.1% ซึ่งปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ต่อเนื่อง และเป็นที่ยอมรับของตลาด จนส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มาจากความเชื่อมั่นในแบรนด์
ที่บริษัททำกิจกรรมต่อเนื่องมาตลอด โดยเฉพาะปี 2567 ที่ผ่านมา ที่ได้คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ มาช่วยสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ และขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ด้วยคุณภาพ และมาตรฐานผลิตภัณฑ์โตชิบา ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคและคู่ค้า ในแง่ของความทนทาน ดีไซน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
รวมไปถึงแนวความคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในรายละเอียด และความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ทำให้ผลิตภัณฑ์โตชิบาได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นในทุกๆ ปี
มากไปกว่านั้นยังมีพันธมิตรทางการค้าที่ดี ที่เชื่อมั่นในโตชิบา ทำให้บริษัทสามารถขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุม ทั่วถึง และมีการจัดการบริหารงานภายใน ทั้งในเรื่องซัพพลายเชน และการทำงานเป็นทีมเวิร์คได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
มร.อเล็กซ์ กล่าวเต่อไปว่า สำหรับปี 2568 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 25% และเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อันดับ 1 ในประเทศไทย นอกจากนี้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยเน้นเจาะตลาดผู้ใช้กลุ่ม Mid to High ที่ให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์ และคุณสมบัติสินค้ามากขึ้น
จากปีที่แล้วที่เปิดตัวตู้เย็นซีรีส์ JapanDi สีขาว สวยโดดเด่น ได้รับการตอบรับดีมาก ปีนี้จะมีสินค้ากลุ่มอื่นที่ออกมาเป็นซีรีส์เดียวกัน เพื่อเอาใจลูกค้ามากขึ้น
นอกจากนี้มีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มอีกกว่า 500 แห่ง โดยเน้นขยายจุดวางสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น รวมไปถึงการทุ่มเงินในการปรับโฉมร้านค้าให้ดูสวย ทันสมัยขึ้น
อีกทั้งยังเพิ่ม Experience Store ที่เน้นการโชว์สินค้ากลุ่ม Smart Solution เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้ามามีประสบการณ์การใช้งาน ณ จุดขาย และเพิ่มจำนวนและพัฒนาคุณภาพพนักงานขายหน้าร้าน เพื่อสามารถช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง
“สำหรับในส่วนการตลาด โตชิบา ได้ทุ่มงบเพิ่มขึ้นมาก นอกจากการทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ และออฟไลนด์แล้ว ปีนี้ ยังอัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาค และยังมีแผนการตลาดอีกมากมายที่ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริมการขาย
และส่วนสุดท้ายที่ โตชิบา ให้ความสำคัญ คืองานบริการ เพราะให้ความสำคัญกับลูกค้า โดยมีแผนเพิ่มช่องทางพิเศษสำหรับให้บริการสินค้ากลุ่มไฮเอนด์
มีการเพิ่มรถโมบายเซอร์วิส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าโดยเพิ่มทีมการให้บริการถึงบ้าน (Onsite service) รวมไปถึงการขยายจำนวนศูนย์บริการ และการปรับภาพลักษณ์ศูนย์บริการพรีเมียม และงานบริการให้สะดวก รวดเร็วมากขึ้น” มร.อเล็กซ์ กล่าวย้ำ
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี ของการดำเนินธุรกิจของ โตชิบา ไทยแลนด์ ซึ่งตลอดปีบริษัทมีกิจกรรมการการตลาดและแคมเปญที่หลากหลาย
ซึ่งช่วยให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดทีมงานชาวอิฐแดงทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เปรียบเสมือนอิฐแต่ละก้อนที่รวมกันเป็นกำแพงที่แข็งแรง รวมถึงพาร์ทเนอร์ ตัวแทนจำหน่ายที่ให้การสนับสนุนโตชิบาเป็นอย่างดี
และลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์แบรนด์ "TOSHIBA" จนบริษัทเดินทางมาถึงปีที่ 55 ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตามปี 2568 นี้จะเป็นอีกปีที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่น "นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต" ให้กับคนไทย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของใช้งานของทุกคน เพิ่มความสะดวกสบาย เสริมสร้างสุขภาพที่ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โตชิบา ไทยแลนด์ มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับส่งเสริมการเติบโตของคู่ค้าและดีลเลอร์ให้เติบโตไปด้วยกัน และที่ขาดไม่ได้ คือการตอบแทนสังคม ด้วยกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อที่โตชิบา ไทยแลนด์จะได้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกันกับสังคมไทย
นายเอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โตชิบา วางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ไว้ 3 แกนคือ 1) เจาะตลาดแมส (Mass Segment) โดยสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมี โดยส่งผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในราคามิตรภาพเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง
2) ขยายฐานไปยังกลุ่มระดับกลางถึงบน (Mid to High Segment) ที่เติบโตขึ้นในทุกปี กลุ่มนี้จะมีความต้องการมากขึ้นในเชิงต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดความจุใหญ่ขึ้น และ/หรือ สเปคบางอย่างที่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขา อาทิ ต้องการความสะดวกสบาย ต้องการประหยัดเงิน
3) เจาะเข้าตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยส่งผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในแต่ละเรื่องแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องดีไซน์ สเปค หรือเทคโนโลยี
สำหรับปี 2568 นี้ โตชิบา มีแผนขยายสินค้าใหม่มากถึง 53 รุ่น โดยแบ่งเป็นกลุ่มตู้เย็นจาก 11 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 19 รุ่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องครัว 16 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 7 รุ่น พร้อมทั้งปรับลดราคาลงมา 10-15% เพื่อแข่งขันกับแบรนด์ข้ามชาติและรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้
สำหรับตู้เย็น ปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมบริษัทเติบโต 20% และเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มตู้เย็นประตูเดียว และตู้เย็น 2 ประตูขนาดเล็กมายาวนาน ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 40% และโต 14%
ในขณะที่ตู้เย็นขนาดกลางโตขึ้น 60% และตู้เย็นขนาดใหญ่ ไซด์บายไซด์ และตู้เย็น 4 ประตู ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่ตลาดโตสูงสุด โตชิบา โตขึ้น 200% ทำให้ตู้เย็นโตชิบารุ่น GR-RS600 ขึ้นแท่นเป็นตู้เย็นไซด์บายไซด์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย
สำหรับปี 2568 นี้ โตชิบา มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ ถึง 11 รุ่น และตั้งใจพัฒนาคุณสมบัติใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ ตู้เย็นประตูเดียว จะมีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เหมือนตู้เย็น 2 ประตู
สำหรับเครื่องซักผ้า ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่เครื่องซักผ้าโตชิบาเติบโตสูงสุด โดยเติบโตถึง 40% โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาบนความจุ 12 กิโลกรัมขึ้นไปที่โตสูงถึง 70% ปัจจัยที่ทำให้โตชิบาเติบโตได้ดี เพราะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดมากขึ้น
ซึ่งเป็นผลพวงจากการที่ย้ายฐานการผลิตเครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 10-17 กิโลกรัม และเครื่องซักผ้าฝาหน้าบางส่วนมาผลิตในประเทศไทย ทำให้ราคาสินค้าสามารถแข่งขันกับตลาดได้มากขึ้น
ส่งผลให้เครื่องซักผ้าฝาหน้าของโตชิบา เติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในขณะที่ตลาดโตเพียง 6.3% สำหรับปี 2568 นี้ มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องซักผ้าใหม่มากถึง 19 รุ่น ตั้งเป้าเติบโต 20%
สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านขนาดเล็ก ทั้งที่ใช้ในครัวและในบ้าน โตชิบา คือผู้นำอย่างแท้จริงด้วยผลิตภัณฑ์กว่า 130 รุ่น โดยพระเอกของสินค้ากลุ่มนี้คือ ไมโครเวฟที่เติบโตต่อเนื่องจนทำให้โตชิบา เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด
นอกจากนี้ยังมีหม้อหุงข้าวของโตชิบา ที่นับเป็นไฮไลท์ที่ต้องถูกพูดถึงในเพจโซเชียลต่างๆมากมาย ว่าเป็นหม้อที่หุงข้าวได้อร่อย นุ่ม ด้วยคุณสมบัติโดดเด่นคือ หม้อในหนา 4 มิลลิเมตร
และตัวสุดท้ายที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากคือ เครื่องทำน้ำอุ่นรุ่น SensTemp ที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำได้เสถียร สำหรับในปี 2568 นี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มนี้ มากถึง 23 รุ่น ทั้งหม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ และพัดลม
เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องทำน้ำร้อนของโตชิบารุ่นใหม่ล่าสุด ซีรีส์ SensTemp มีความปลอดภัยสูง ตัวแทงค์เป็นทองแดง ทนทาน นำความร้อนได้ดี ป้องกันการเกิดตะกรัน และที่โดดเด่นคือ มีการติดตั้งเซนเซอร์ที่วาล์วน้ำเข้า เพื่อตรวจจับอุณหภูมิ
ระบบจะคำนวณค่าพลังงานที่เหมาะสม เพื่อปรับกำลังความร้อนให้เหมาะสม ดังนั้นแม้มีการใช้น้ำพร้อมกันในหลายๆที่ ตัวเครื่องจะคำนวณแรงดันน้ำ และปรับอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมให้ ทำให้คุณมั่นใจ อาบน้ำได้อุ่นสบาย
พัดลมแบบสไลด์ 5 ใบพัด ที่ออกแบบดีไซน์ไซโคลน กระจายลมอย่างทรงพลังไกลถึง 12 เมตร ปรับความแรงได้ถึง 4 ระดับ มอเตอร์ลูกปืน อายุการใช้งานทนทาน มีให้เลือก 3 สี คือ สีเทา สีเบจ และสีฟ้าเขียว
นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลอง โตชิบาครบรอบ 55 ปีแล้ว โตชิบา ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงจากการสร้างแบรนด์
โดยใช้กลยุทธ์แอมบาสเดอร์มาร์เก็ตติ้ง คุณหมาก ปริญ สุภารัตน์ ช่วยทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยขยายฐานลูกค้ากลุ่มเดิมเข้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูสมาร์ท อบอุ่น และทันสมัยยิ่งขึ้น
สำหรับในปี 2568 นี้ ได้อัพเกรดแบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีมิสเตอร์ ทาคาชิ โซริมาจิ พระเอกและนักแสดงชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาตอกย้ำภาพลักษณ์ โตชิบา แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น
โดยได้ปล่อยหนังโฆษณาชุดแรกทางโซเชียล และป้ายโฆษณาทั้งนอกและในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตไปแล้วตั้งแต่ต้นปี
นอกจากนี้ยังมีแผนปล่อยหนังโฆษณาชุดใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Toshiba Japan Origin คราฟต์ที่ดีไซน์ ใส่ใจทุกดีเทล” โดยมีไอเดียจาก 5 จุดเด่นของความเป็นญี่ปุ่น คือ ดีไซน์ (Design) ดีเทล (Detail) คุณภาพ (Quality) ความไว้ใจได้ (Trust) และ นวัตกรรม (Innovation)
ทั้งนี้จะเผยแพร่ทางทีวี สื่อออนไลน์ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าใต้ดิน บิลบอร์ดในกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมไปถึงในออฟฟิศสำนักงาน รวมทั้งหมดกว่า 3,000 สกรีน
นอกจากนี้ ยังมีสื่อ ณ จุดขาย และการทำคอนเทนต์ดิจิทัล โซเชียลมาร์เก็ตติ้ง และเสริมทัพด้วย KOLs ที่จะมาทำให้ผู้บริโภครู้จัก เข้าใจ และเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์โตชิบามากยิ่งขึ้น
“นอกจากกิจกรรมการตลาดข้างต้น โตชิบา ยังเตรียมพร้อมสำหรับโรดโชว์ และโปรโมชันต่างๆ ที่จะมาตอบแทนผู้บริโภคตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีแผนการปรับโฉมหน้าร้านค้าให้ดูสวยงาม ทันสมัย และมีแผนขยาย Experience Store เพิ่ม
เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าสัมผัส และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่เป็น Smart Solution เชื่อมต่อการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนได้ ทดลองการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องครัวได้ รวมไปถึงได้พูดคุยสอบถามการใช้งานกับพนักงานขายได้เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว" นางสาวธัญปภัสส์ กล่าวสรุป
22 มกราคม 2568
ผู้ชม 381 ครั้ง