สถิติ

70460974

เศรษฐกิจไทยปี 68 ลุ้น!เหนื่อยปรับลดจีดีพีเหลือ2.6%

หมวดหมู่: การเงิน

   เศรษฐกิจไทยปี 68 ลุ้น!เหนื่อยปรับลดจีดีพีเหลือ2.6%

   การบริโภค/ลงทุนเอกชนซบ จับตา!นโยบายการเมือง

                               

   เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มทรงตัวในปีนี้ และจะดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2568 SCB EIC คงประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2567 ที่ 2.7% โดยมีมุมมองเศรษฐกิจโลกช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซน อินเดีย และอาเซียน 5 ปรับดีขึ้นเล็กน้อย

   เศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อยเป็น 2.8% จากเศรษฐกิจยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีนที่จะขยายตัวดีขึ้นบ้าง ส่วนหนึ่งจากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

   อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านนโยบายหลังการเลือกตั้งใหญ่ของหลายประเทศที่เกิดขึ้นภายในปีนี้

   นโยบายการเงินโลกจะลดความตึงตัวลงในระยะข้างหน้า SCB EIC ประเมินว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มลดดอกเบี้ยและลดมากกว่าที่เคยมองไว้ โดยปรับลดในทุกรอบประชุมที่เหลือ 3 ครั้งของปีนี้ รวมเป็น 75 BPS เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย

   ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง 50 BPS ในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. หลังจากเริ่มลดครั้งแรกไปในไตรมาส 2 ด้านธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ออีก 10 BPS ในไตรมาส 4

   ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงดอกเบี้ยไว้ก่อนที่ 0.25% ตลอดปีนี้หลังจากปรับขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพตลาดการเงินจากการปรับทิศทางนโยบายการเงินในโลก โดย BOJ จะกลับมาปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในช่วงไตรมาส 1 และสิ้นปีหน้า

   SCB EIC คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 ที่ 2.5% และปรับลดมุมมองเศรษฐกิจปี 2568 เหลือ 2.6% หลังภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ออกมาใกล้เคียงที่ประเมินไว้ แต่แรงส่งเศรษฐกิจรายองค์ประกอบต่างไปบ้าง

   โดยเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังได้แรงส่งหลักจาก 1) ภาคท่องเที่ยว ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผลจากการทำตลาดของภาครัฐและการเพิ่มความถี่เที่ยวบินใน Winter schedule

   และ 2) แรงสนับสนุนจากการบริโภคเอกชนตามมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชั่วคราว อย่างไรก็ดี มุมมองต่อการลงทุนภาคเอกชนปรับลดลงมาก โดยมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2

   โดยเฉพาะการลงทุนก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการลงทุนยานพาหนะ สอดคล้องกับอุปสงค์ตลาดที่อยู่อาศัยและรถยนต์ที่หดตัว ท่ามกลางปัญหาหนี้ค้างชำระและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ปรับสูงขึ้น

   อย่างไรก็ตามมองไปข้างหน้าภาคการผลิตและการส่งออกจะยังฟื้นตัวได้ช้า ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นการบริโภค (โดยเฉพาะสินค้าคงทน) และการลงทุนในระยะสั้นที่แผ่วลงต่อเนื่อง เศรษฐกิจไทยจึงยังมีทิศทางเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายรัฐบาล

   SCB EIC จึงปรับลดมุมมองเศรษฐกิจปี 2568 เหลือ 2.6% (เดิม 2.9%) จากการบริโภคเอกชนที่จะเติบโตชะลอลงท่ามกลางกำลังซื้อเปราะบางและหนี้สูง รวมถึงทิศทางการลงทุนภาคเอกชนที่แผ่วลง

   สำหรับเงินเฟ้อ ประเมินเงินเฟ้อทั่วไปจะขยายตัวต่ำลงอยู่ที่ 0.6% (เดิม 0.8%) ในปีนี้ สะท้อนความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐชะลอการทยอยปรับขึ้นราคาพลังงานในประเทศตลอดปี

   โดยเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยกลับเข้ากรอบได้ในไตรมาส 4 ส่วนหนึ่งเพราะในช่วงเดียวกันของปีก่อนภาครัฐได้ออกมาตรการลดค่าครองชีพด้านราคาพลังงานให้อยู่ในระดับต่ำหลายด้าน

   SCB EIC คงมุมมอง กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในช่วงปลายปีนี้เหลือ 2.25% จากความจำเป็นในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ความเปราะบางเริ่มส่งผลมายังอุปสงค์ในประเทศ รวมถึงการลงทุนที่ชะลอลง นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนอาจเผชิญภาวะการเงินตึงตัวแรงกว่าภาคส่วนอื่น

   เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานการให้สินเชื่อครัวเรือนของสถาบันการเงินที่ปรับเข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ภาคครัวเรือนสามารถก่อหนี้ได้น้อยลงกว่าในอดีตมาก

   การเริ่มลดดอกเบี้ยในภาวะเช่นนี้จึงไม่ได้มีผลกระตุ้นการก่อหนี้มากจนน่ากังวล และไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการลดหนี้ในระบบเศรษฐกิจ (Debt deleveraging)

   สำหรับปี 2568 ภาวะการเงินโลกจะมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ตามทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงขึ้น

   ทั้งจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และนโยบายเศรษฐกิจของไทยเอง SCB EIC จึงยังคงมุมมองว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าเหลือ 2%

   เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว จากความกังวลทางการเมืองที่ลดลงหลังแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่ได้เร็ว ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และราคาทองคำสูงขึ้น ในระยะต่อไปเงินบาทอาจอ่อนค่าได้ในช่วงสั้น

   ก่อนจะกลับสู่เทรนด์แข็งค่าตาม Easing cycle ของนโยบายการเงินสหรัฐฯ โดยมองกรอบเงินบาท ณ สิ้นปีนี้อยู่ในช่วง 34.00-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่านต่อรายงานฉบับเต็ม... https://www.scbeic.com/th/detail/product/eic-monthly-0824

27 สิงหาคม 2567

ผู้ชม 44 ครั้ง

Engine by shopup.com