BEM ควง CK ลงนามสัญญาก่อสร้างโยธา เดินหน้าสายสีส้มเต็มสูบ!
BEM ควง CK ลงนามสัญญาก่อสร้างโยธา เดินหน้าสายสีส้มเต็มสูบ!
BEM ควง CK ลงนามสัญญาก่อสร้างโยธา เดินหน้าสายสีส้มเต็มสูบ!
มูลค่าลงทุน120,000ลบ.-เปิดปีใหม่2571-พลิก!รายได้หลักจากรถไฟฟ้า
BEM ควง CK ประกาศชัด เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มทันที พร้อมทั้งด้านเงินทุนและการก่อสร้าง เตรียมลงพื้นที่ครั้งแรกสิงหาคมนี้ มั่นใจประชาชนได้ใช้บริการก่อนกำหนด
ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมอบความไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) บริษัทได้ลงนามสัญญาจ้าง บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK
ให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก บางขุนนนท์–ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสำหรับทั้งโครงการ โดยช่วงตะวันออกจากศูนย์วัฒนธรรมฯ–มีนบุรีนั้น มีกำหนดแล้วเสร็จ ภายใน 3 ปี 6 เดือน
ซึ่ง BEM มั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการส่วนนี้ได้ก่อนกำหนดอย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าเปิดให้บริการรับปีใหม่ 2571 และช่วงตะวันตก มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 6 ปี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2573 โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากเริ่มเปิดให้บริการช่วงตะวันออก
“BEM มีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยในส่วนของการก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก BEM มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง CK ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน
โดย CK ได้จัดเตรียมทีมงานและเครื่องจักรอุปกรณ์พร้อมเข้าดำเนินงานได้ทันที จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถดำเนินงานได้แล้วเสร็จตามกำหนดการ อย่างมีคุณภาพและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุด
ส่วนการจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้านั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตเพื่อสั่งซื้อรถไฟฟ้าแบบล็อตใหญ่รวม 53 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟฟ้าที่ใช้ในสายสีส้ม 32 ขบวน และรถไฟฟ้าสำหรับบริการในโครงการสายสีน้ำเงินเพิ่มเติมอีก 21 ขบวน
โดยบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยเป็นลำดับแรก เห็นได้จากในโครงการที่ผ่านมาบริษัทเลือกใช้ผู้ผลิตจากประเทศเยอรมันและญี่ปุ่นเป็นหลัก”
สำหรับเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นกว่า 140,000 ล้านบาท BEM ได้จัดเตรียมเงินกู้วงเงินประมาณ 120,000 ล้านบาท จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) เพียงรายเดียว อัตราดอกเบี้ยประมาณ 3% ระยะเวลาเงินกู้ประมาณ 10 ปี แต่ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถชำระเงินกู้ได้ก่อนกำหนด
โดยแบ่งเป็นเงินกู้สำหรับก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก 90,000 ล้านบาท และสำหรับงานระบบรถไฟฟ้า 30,000 ล้านบาท ควบคู่ไปกับเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัท และแหล่งเงินทุนอื่นๆเช่นหุ้นกู้
ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในปีแรกของการให้บริการช่วงตะวันออก จะมีประมาณ 120,000 คน/วัน และเมื่อเปิดตลอดเส้นทางคาดว่าจะมี 300,000 คน/วัน สำหรับค่าโดยสารนั้นจะเริ่มต้นที่ 17-44 บาท หลังจากนั้น 10 ปีจะมีการปรับให้เป็นไปตามสัญยาที่อัตรา 25-62 บาท
ดร.สมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของ BEM มีกำไรเติบโตจากการบริหารโครงการสัมปทานที่มีอยู่ทั้งรถไฟฟ้าและทางพิเศษ หลังจากกำไรที่เคยลดลงไปเมื่อช่วงโควิด-19 ตอนนี้กลับคืนมาแล้ว และยังทำกำไร New High ในทุกปีๆ จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การได้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็น New S-Curve ให้กับ BEM ช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนุนรายได้ให้กับสัมปทานตัวเดิมอย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เพราะจะส่งผู้ใช้บริการเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น
โดยคาดว่าตั้งแต่เปิดการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกนั้นจะมีผู้โดยสารประมาณ 80% เชื่อมเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทันทีส่งผลให้สายนี้ถึงจุดคุ้มทุน อีกทั้งยังทำให้เกิดการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ (Economy of Scale) และทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้หลังจากเปิดให้บริการสายสีส้มในปี 2571 แล้วยังจะส่งผลให้โครงสร้างรายได้ของ BEM เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย โดยที่รายได้หลักมากกว่า 50% จะมาจากรถไฟฟ้า จากปัจจุบันที่ BEM มีรายได้หลักมาจากทางด่วนกว่า 55% และรายได้จากรถไฟฟ้าอยู่ที่ 40%
ส่วนโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระการลงทุนของภาครัฐ จึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ข
ณะเดียวกันโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการคัดเลือกเอกชนบริหารงานเดินรถก็คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน โดย BEM พร้อมที่จะเจรจาในทุกรูปแบบ
สำหรับนโยบายตั๋วร่วมนั้น BEM พร้อมที่จะให้ความร่วมมือโดยปัจจุบันบริษัทได้เตรียมระบบ EMV รองรับการใช้งานไว้แล้ว ส่วนเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายถือเป็นเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์
BEM ก็พร้อมให้ความร่วมมือและเจรจาเหมือนกับโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามหลักการที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
23 กรกฎาคม 2567
ผู้ชม 153 ครั้ง