"เซ็นทรัล รีเทล" ปลื้ม!ปี66 CMG ยอดขายนิวไฮโตสตรอง 28%
"เซ็นทรัล รีเทล" ปลื้ม!ปี66 CMG ยอดขายนิวไฮโตสตรอง 28%
"เซ็นทรัล รีเทล" ปลื้ม!ปี66 CMG ยอดขายนิวไฮโตสตรอง 28%
ปี67เขย่าตลาดทุ่ม7,000ลบ.ติดปีก!AI-ปูพรมเครือข่ายไทย/ตปท.
บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ในประเทศไทย ครอบคลุมกลุ่มสินค้าแฟชั่น ความงาม และเทคโนโลยี
โชว์ความสำเร็จแบบนิวไฮในปี 2566 ด้วยยอดขายเติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมาจากความแข็งแกร่งในการบริหารแบรนด์หลักในพอร์ตโฟลิโอ, การทำการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า,
ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการร้านค้า และการพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่เชื่อมทุกช่องทางการขายเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย และหน้าร้าน
โดยในปี 2567 นี้ CMG เตรียมเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลไทยอีกครั้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันยอดขาย CMG ให้เติบโตก้าวกระโดดอีก 20% ในปีนี้
คุณเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของ CMG คือ การเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟชั่นรีเทลที่สามารถส่งมอบแบรนด์ที่ดีที่สุดระดับโลกและสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย
ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่ครบวงจร และเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ของเราได้ทุกช่องทางอย่างสะดวกสบายและไร้รอยต่อ
รวมถึงยังมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรสุดยอดนายจ้างที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย เพราะหัวใจที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจของ CMG ก็คือ การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แบรนด์ และทีมงานทุกคน
สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่สร้างปรากฎการณ์ความสำเร็จให้กับ CMG สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาธุรกิจในหลากหลายมิติ ดังนี้
- ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการร้านค้า–ในปี 2566 CMG ได้เสริมแกร่งจุดขายออฟไลน์ด้วยการเปิดหน้าร้านใหม่กว่า 180 จุด ทำให้มีจุดขายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยรวมกว่า 2,200 แห่ง และยังริเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้วิเคราะห์ร้านค้าชั้นนำของบริษัท เพื่อติดตามการดำเนินงานในร้านค้าและผลักดันการปรับปรุงการให้บริการลูกค้าอย่างจริงจัง และด้วยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ CMG มียอดการปิดการขาย และความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนที่จะขยายการใช้ระบบ AI สู่ร้านค้าอื่นๆ ในเครือเพิ่มมากขึ้นในปี 2567
- แพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบ 360 องศา–CMG ได้เปิดตัว 2 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหม่ สำหรับจำหน่ายแบรนด์ Casio และ MLB ในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขยายจุดขายให้กับแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอสู่แพลตฟอร์ม Central Online และแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Lazada, Shopee และ Tiktok นอกจากนี้บริษัทยังได้ยกระดับช่องทาง Omnichannel ให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ CMG มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงแคมเปญออนไลน์ Double-Digit ในปี 2566
- การขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ–CMG โฟกัสการทำการตลาดแบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วยบิ๊กดาต้า โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ผ่านทุกช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์สินค้าได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทได้จัดทำแคมเปญการตลาดไปแล้วมากกว่า 1,200 แคมเปญ ส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าใหม่มากกว่า 1,000,000 ราย และมีผู้ติดตามมากกว่า 7.7 ล้านคนบนช่องทางโซเชียลมีเดีย
- การขยายแบรนด์ใหม่ๆ–CMG ไม่เคยหยุดนิ่งในการเพิ่มแบรนด์ใหม่ระดับโลกเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ ในขณะเดียวกันก็เสริมแกร่งความสัมพันธ์ และสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ที่มีอยู่เดิมในพอร์ตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ อาทิ CROCS และ FILA รวมถึงได้เป็นพันธมิตรค้าปลีกกับแบรนด์ SKECHERS และจัดให้มีวางจำหน่ายในทุกสาขาของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล พัฒนาและห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ CMG ยังได้เปิดตัวแบรนด์ L:A BRUKET ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามออร์แกนิกสัญชาติสวีเดน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าชาวไทยในด้านการดูแลผิวพรรณและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
- องค์กรที่มีความพร้อมมุ่งสู่อนาคต–หัวใจสำคัญของความสำเร็จของ CMG มาจากพนักงานทุกคน บริษัทจึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีศักยภาพ และมีการ Reskill-Upskill อยู่เสมอ โดยเริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมในร้านค้า การเทรนนิ่งเฉพาะบุคคล ไปจนถึงโปรแกรมส่งเสริมการเติบโตในสายอาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ CMG ได้รับรางวัล “สุดยอดนายจ้างดีเด่นปี 2566” ติดต่อกัน 5 ปีซ้อนจากเวที Kincentric Thailand สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรที่มีความพร้อม และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน
คุณเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กล่าวต่อไปว่า ในปี 2567 นี้ CMG เตรียมเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลไทยอีกครั้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันยอดขาย CMG ให้เติบโตก้าวกระโดดอีก 20% ในปีนี้
โดยจะยังคงมุ่งหน้ายกระดับธุรกิจ และสร้างมาตรฐานที่เหนือกว่าให้กับวงการรีเทลไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI analytics และระบบอัตโนมัติ มาช่วยในการดำเนินงานด้านต่างๆ
อาทิ การปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงาน, การให้บริการลูกค้าที่หน้าร้าน, แพลตฟอร์มออมนิแชแนล และการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน CRM โดยมุ่งมั่นที่จะเร่งพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมรอบด้าน
พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและความงามที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นให้ได้ดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดจุดขายเพิ่มอีก 180 แห่ง เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าในหลากหลาย พื้นที่ทั่วประเทศ
ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทแม่ของเราอย่างเซ็นทรัล รีเทล ได้รุกตลาดและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งไว้อยู่ก่อนแล้ว
ที่สำคัญจะยังคงมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมแกร่งความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับการเป็นบริษัทที่บริหารงานบนหลักธรรมาภิบาล และเป็นองค์กรที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย
16 มีนาคม 2567
ผู้ชม 294 ครั้ง