สถิติ

70507803

SCB FM ชี้!ระยะสั้นเงินบาทแข็งค่า-จับตา!กนง.ลดดบ.2ครั้ง  

หมวดหมู่: การเงิน

   SCB FM ชี้!ระยะสั้นเงินบาทแข็งค่า-จับตา!กนง.ลดดบ.2ครั้ง

   จากแรงกดดันเงินดอลลาร์สหรัฐสูงตามแนวโน้มเงินเฟ้อต้นปี

                          

   กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) ชี้ว่าตลาดการเงินเดือนที่ผ่านมาผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาผิดจากที่ตลาดคาด โดยเศรษฐกิจโลกขยายตัวแข็งแกร่งกว่าคาด และเงินเฟ้อลดลงช้า

   ทำให้ตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก (ทั้ง Fed และ ECB) ในปีนี้ลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จึงเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด

   ด้านเศรษฐกิจไทย ตัวเลขออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดต่อเนื่อง ทำให้โอกาสที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ตามที่ตลาดคาดที่ 2 ครั้ง มีมากขึ้น

   ทั้งนี้จังหวะและความต่อเนื่องในการลดยังมีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราดอกเบี้ย THOR OIS ในตลาดเงินจะผันผวนและมีโอกาสสูงขึ้นเล็กน้อย

   สำหรับค่าเงินบาท พบว่าที่ผ่านมาอ่อนค่าเร็ว ซึ่งในระยะสั้นนี้คาดว่าแรงกดดันด้านอ่อนค่าจะยังอยู่จากปัจจัยต่างประเทศที่ทำให้เงินดอลาร์สหรัฐจะยังแข็งค่า และปัจจัยในประเทศที่อ่อนแอกดดันให้บาทอ่อน มองกรอบค่าเงินบาท 36.00-36.50 ภายใน 1 เดือนนี้

   นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดการเงินโลกเดือนที่ผ่านมาผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาผิดจากที่ตลาดคาด โดยเศรษฐกิจโลกขยายตัวแข็งแกร่งกว่าคาด

   นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ตัวเลขในตลาดแรงงานและการบริโภคเอกขนขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง และเงินเฟ้อลดลงช้ากว่าคาด ด้านเศรษฐกิจยุโรปก็ฟื้นตัวดีกว่าคาด นำโดยเศรษฐกิจฝรั่งเศสที่ฟื้นตัวดีกว่าคาดทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ

   สำหรับเศรษฐกิจจีน แม้จะยังอ่อนแอแต่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนที่มีออกมาต่อเนื่องและคาดว่าจะมีออกมาเพิ่ม จึงทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดทุนปรับเพิ่มขึ้นในเดือนที่ผ่านมา

   ทั้งนี้หากดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทย พบว่าออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด โดย GDP Q4 ปีที่แล้ว อยู่ที่ 1.7%YOY ต่ำกว่าตลาดคาด จากการลงทุนและบริโภคภาครัฐที่หดตัวตามความล่าช้าของการประกาศ พ.ร.บ. งบประมาณปี 67

   อีกทั้งการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นมากนัก และภาคการก่อสร้างยังหดตัวสูง ในระยะต่อไปคาดว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 จะขยายตัวดีขึ้น แต่ปัจจัยโครงสร้างที่อ่อนแอจะยังเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้

   สำหรับตลาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasury yields) Yields ในเดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเร็ว หลังตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยของ Fed ในปีนี้ลงจาก 6 ครั้ง เหลือเพียง 3 ครั้ง ซึ่งในระยะสั้นมองว่าแรงกดดันด้านสูงต่อ Yields จะยังมีอยู่

   โดยคาดว่าเงินเฟ้อ PCE ที่จะออกในช่วงปลายเดือนนี้ มีโอกาสออกมาสูงตามราคาสินค้ากลุ่มบริการ Supercore สะท้อนจากดัชนี PPI ซึ่งถูกใช้คำนวณในดัชนี PCE ออกมาสูงกว่าคาด

   จึงทำให้มองว่า 2-year yield อาจสูงขึ้นไปที่ราว 4.60-4.80% ส่วน 10-year yield อาจขึ้นไปที่ราว 4.20-4.40% ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ อย่างไรก็ตามในระยะกลางถึงยาว มองว่า Yields จะสามารถปรับลดลงได้ เพราะเงินเฟ้อ PCE ยังมีแนวโน้มลดลงจากราคาที่อยู่อาศัย (Shelter price) และราคาสินค้าในกลุ่ม Core goods

   ส่วนปัจจัยฤดูกาลที่เกิดจากการปรับขึ้นราคาในช่วงต้นปี ก็มีแนวโน้มลดลงในระยะต่อไป นอกจากนี้ คาดว่าอุปทานพันธบัตรรัฐบาลจะไม่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่อุปสงค์จะดีต่อเนื่อง

   สำหรับมุมมองอัตราดอกเบี้ยไทย กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้มากขึ้น โดยขณะนี้ตลาดมองว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้ง สะท้อนจากตลาด Swap บนอัตราดอกเบี้ย THOR ระยะสั้นของไทยอยู่ต่ำกว่า Policy rate ซึ่งมองว่า เหตุผลที่ กนง. จะลดดอกเบี้ยมาจาก

   1) ตัวเลขเศรษฐกิจไทยอ่อนแอกว่าคาด สะท้อนจากเลข GDP ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ที่หดตัวเทียบไตรมาสก่อน เงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง และดุลการค้าที่ขาดดุลมากกว่าคาด

   2) การสื่อสารของ กนง. ที่ให้น้ำหนักต่อปัจจัยเชิงโครงสร้างที่อ่อนแอขึ้นกว่าคาด และ 3) ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยมีมากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน รวมถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์โลก

   ทั้งนี้การลดดอกเบี้ยครั้งแรกยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ทำให้อัตราดอกเบี้ย THOR OIS ในตลาดเงินจะผันผวนและมีโอกาสสูงขึ้นเล็กน้อย ซึ่งมองว่าจะเป็นโอกาสให้ Receive fixed rate ได้ โดยแนะนำ Receive THOR OIS ระยะกลาง (5 ปี)

   ด้านค่าเงินบาทที่ผ่านมาอ่อนค่าเร็ว ซึ่งในระยะสั้นนี้คาดว่าแรงกดดันด้านอ่อนค่าจะยังอยู่ โดยคาดว่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าตามแนวโน้ม Treasury yields ที่อาจจะยังสูงในระยะอันใกล้นี้

   ทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐอาจอ่อนค่าได้อีกเล็กน้อย โดยในเดือนมีนาคมอาจอยู่ในกรอบ 36.00-36.50 อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ยังมองว่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าต่อได้

   เนื่องจาก 1) เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ในเวลาที่ Fed เริ่มลดดอกเบี้ย ซึ่งจะลดได้จากเงินเฟ้อที่น่าจะลดลงชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่สอง 2) เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ค่าดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงด้วย

   และ 3) เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในระยะต่อไป โดยล่าสุดความเชื่อมั่นปรับสูงขึ้นในเดือน ม.ค. และเลขส่งออกขยายตัวสูงขึ้น จึงคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปที่ราว 33.50-34.50 ณ สิ้นปีนี้

01 มีนาคม 2567

ผู้ชม 272 ครั้ง

Engine by shopup.com