เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ชงแผน 3 ปี ปั้นรายได้ 30,000 ลบ.
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ชงแผน 3 ปี ปั้นรายได้ 30,000 ลบ.
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ชงแผน 3 ปี ปั้นรายได้ 30,000 ลบ.
รุกธุรกิจครบวงจร-ชูรายได้ค่าเช่าธุรกิจอสังหาฯ-ดันสัดส่วนรายได้ประจำ60%
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "FPT" ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทยประเมินตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังมีแรงบวกแต่ต้องระวังปัจจัยเสี่ยงจากใน-นอกประเทศ
เชื่อมั่นพอร์ต โฟลิโอแข็งแกร่ง รุกสร้างการเติบโตผ่านการเป็น Real Estate as a Service Brand ตามโรดแมป FPT Next 2025 ครอบคลุมการดำเนินงาน 3 มิติ Space-Community-Sustainability
ผนวกใน 3 กลุ่มธุรกิจทั้งที่อยู่อาศัย-อุตสาหกรรม-พาณิชยกรรม หวังเสิร์ฟการบริการที่เหนือกว่า สอดรับทุกความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและผู้ใช้งาน พร้อมยกระดับมาตรฐานอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ก้าวไปอีกขั้น
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Country Chief Executive Officer) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองถึงทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ว่า ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งผลให้ภาคเอกชนมีการบริโภคเพิ่มขึ้นบวกกับภาครัฐที่ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง
รวมถึงนักลงทุนต่างชาติที่หลั่งไหลตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ อาทิ ภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย หนี้ครัวเรือน และปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส
แม้จะเผชิญหน้ากับความท้าทายหลายด้าน แต่ FPT ยังคงความสามารถในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงด้วยแผนกลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่น มีฐานการเงินที่แข็งแกร่งและมีธุรกิจที่หลากหลายซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างสมดุลจากการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
ทำให้มีกระแสรายได้ต่อเนื่อง
โดยตั้งเป้าว่าในปี ค.ศ. 2027 (พ.ศ. 2570) บริษัทจะสร้างรายได้กว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนสินทรัพย์ที่สร้างรายได้จากการขายและรายได้ประจำอยู่ที่ 40:60
สะท้อนถึงความพร้อมในการเติบโตระยะยาวภายใต้การเป็นแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลกที่มีทีมงานมากประสบการณ์และความชำนาญหลายด้าน
พร้อมต่อยอดในการพัฒนาสินค้าและบริการคุณภาพสูงที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้งานทุกกลุ่มในปีนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย
ตั้งเป้าธุรกิจที่อยู่อาศัยทำรายได้กว่า 13,000 ล้านบาท เปิดตัว 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 11,600 ล้านบาท เดินหน้าต่อเนื่องกับการจับตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านลักชัวรี
พร้อมสร้างกระแสรายได้จากค่าเช่าให้เติบโตแข็งแกร่งผ่านธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าที่จะลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาทในการขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการอีก 150,000 ตร.ม. เพิ่มจากปัจจุบันที่ 3.5 ล้านตร.ม.
ทั้งในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ด้วยเป้าหมายอัตราการเช่าอยู่ที่ 87% พร้อมมีแผนลงทุนต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่พื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 4 ล้านตร.ม.ในอีก 2 ปี
นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นยกระดับการให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอย่าน CBD และพื้นที่รีเทลอย่างสามย่านมิตรทาวน์และสีลมเอจที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาอัตราการเช่าในระดับสูงที่ 93% เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย
พร้อมสานต่อภารกิจยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ผ่านการต่อยอดนวัตกรรมการบริการด้วยการเป็น “Real Estate as a Service Brand” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นไปตามโรดแมป FPT Next 2025 ที่ประกาศเมื่อปีที่แล้ว
โดยแผนงานเดินหน้าสร้าง Real Estate as a Service Brand แบ่งเป็น 3 มิติ คือ
1)Space-as-a-Service: พัฒนาพื้นที่พร้อมการบริการแบบครบครัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่มพัฒนาอาคารสำนักงานด้วยแนวคิด Core & Flex ให้บริการพื้นที่แบบมาตรฐานและยืดหยุ่น
รวมถึงสำนักงานตกแต่งเบ็ดเสร็จพร้อมเข้าทำงานโดยไม่ต้องตกแต่งเพิ่มเติม ภายใต้ชื่อบริการ PromptMove-พร้อมมูฟตอบรับดีมานด์ผู้เช่าหลากหลายเซ็กเมนต์
พร้อมยังมีการออกแบบอาคารอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่และฟังก์ชันที่สอดรับกับรูปแบบธุรกิจของลูกค้าอย่างการพัฒนา Last Mile Delivery Center ให้กับกลุ่มโลจิสติกส์
ตลอดจนการสร้างบ้านและทาวน์โฮมหลากหลายรูปแบบที่ลงลึกถึงรายละเอียดที่แตกต่างของพื้นที่และฟังก์ชัน รวมถึงอัพเกรดแอปพลิเคชัน Home+ ที่ผนึกกำลังร่วมกับพาร์ทเนอร์ พร้อมให้บริการลูกค้าครบวงจรตั้งแต่การขายถึงการอยู่อาศัย PromptMove-พร้อมมูฟ แอปพลิเคชัน Home+
2)Community-as-a-Service: สร้างสรรค์พื้นที่คุณภาพเพื่อผู้คนที่สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต การทำงาน และการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาพื้นที่ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนโดยรอบ
สะท้อนได้จากการดำเนินงานปรับปรุงคุณภาพโลจิสติกส์พาร์ค (PEI: Park Enhancement Initiative) เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการใช้ชีวิตให้กับผู้ใช้งาน ผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว สนามฟุตบอล ลู่วิ่ง เป็นต้น
รวมถึงพัฒนาพื้นที่รีเทลที่ให้ความสำคัญกับชุมชน (Community-Centric) ด้วยการสร้างพื้นที่ธุรกิจที่มีความหมายและเกิดประโยชน์กับชุมชนโดยรอบ (Placemaking) เพื่อร่วมสร้างการเติบโตไปด้วยกัน โครงการปรับปรุงคุณภาพโลจิสติกส์พาร์ค C ASEAN SAMYAN CO-OP
3)Sustainability-as-a-Service: นำเสนอโซลูชันด้านความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านความยั่งยืนทุกมิติอย่างต่อเนื่อง
โดยทุกอาคารอุตสาหกรรมได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED และ EDGE แล้วกว่า 500,000 ตารางเมตร
ขณะเดียวกันเดินหน้าปรับปรุงคุณภาพอาคารเดิมผ่านโครงการ AEI (Asset Enhancement Initiative) ของอาคารโรงงาน-คลังสินค้า และอาคารสำนักงาน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ใช้อาคาร และรักษามาตรฐานการให้บริการไว้ในระดับสูง
ขณะที่ที่อยู่อาศัยได้ผสมผสานฟีเจอร์บ้านเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เช่น ระบบระบายอากาศ ERV การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และ EV Charger เป็นต้น มาตรฐานอาคารเขียวระดับสากล LEED และ EDGE
“FPT เป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานและมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ซึ่งนับเป็นรากฐานที่สำคัญในการต่อยอดและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ สำหรับยกระดับนวัตกรรมการบริการ
โดยบริษัทเชื่อมั่นว่า การเป็น Real Estate as a Service Brand จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งและเสริมโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจอย่างโดดเด่นจากผู้เล่นรายอื่นในตลาด พร้อมทั้งช่วยยกระดับมาตรฐานอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เทียบเท่าระดับสากล” นายธนพล กล่าวสรุป
28 มกราคม 2567
ผู้ชม 92 ครั้ง