"กาแฟพันธุ์ไทย" กางแผน 5 ปี ปูพรม 5,000 สาขา ปั้นยอดขายโตเท่าตัว
"กาแฟพันธุ์ไทย" กางแผน 5 ปี ปูพรม 5,000 สาขา ปั้นยอดขายโตเท่าตัว
"กาแฟพันธุ์ไทย" กางแผน 5 ปี ปูพรม 5,000 สาขา ปั้นยอดขายโตเท่าตัว
แตกไลน์ Home Coffee ชู "9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย" ระดับพรีเมียม
กาแฟพันธุ์ไทย ประกาศผลประกอบการ Q1-Q3 ปี 2566 ทำรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดปิดปี 2566 ทำยอดขายรวมกว่า 1,700 ล้านบาท
ปูพรมเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศอีกกว่า 800 สาขาภายในปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าในสิ้นปี 67 พร้อมต่อยอดความสำเร็จครึ่งปีแรก
รุกตลาดกาแฟ Home Coffee รับเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบดื่มด่ำกาแฟพรีเมียมที่บ้าน ชูจุดแข็งวัตถุดิบท้องถิ่นสนับสนุนเกษตรกรไทยให้ "อยู่ดี มีสุข" ผ่านคอลเลกชันใหม่สุดเอกซ์คลูซีฟ “9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย”
เพื่อให้คอกาแฟสัมผัสความพรีเมียม 9 รสชาติ จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟชั้นนำระดับประเทศ แบบลิมิเต็ด อิดิชั่น เป็นของขวัญให้คนไทยได้เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี
คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี หรือ (PTG) กล่าวถึงภาพรวมตลาดกาแฟว่า ตลาดกาแฟในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดราว 60,000 กว่าล้านบาท ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเซกเมนท์กาแฟนอกบ้าน (Out of Home Coffee) ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ถึง 45%
เพราะกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ในขณะที่ Gen Z ก็หันมาดื่มกาแฟเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือ ‘ดีพร้อม’ เผยข้อมูลปัจจุบันไทยบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี
ขณะที่ไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปี ที่เหลือนำเข้าทั้งหมด อีกทั้งจากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลกคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 191,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นว่าโอกาสเติบโตของกาแฟไทยยังมีอีกมาก
“กาแฟพันธุ์ไทยมียอดขายไตรมาสที่ 1-3 ปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท เติบโต 80% จากปีที่ผ่านมา โดยโตกว่าภาพรวมตลาดกาแฟประเทศไทยที่เติบโตเฉลี่ย 9.5% คาดว่าในปีนี้ 2566 จะสามารถทำยอดขายทั้งปีกว่า 1,700 ล้านบาท จำนวนสาขาที่ 1,000 สาขา
และคาดว่าในปี 2567 จะเติบโตอีกเท่าตัวด้วยยอดชาย 3,400-3,500 ล้านบาท โดยจะเป็นสัดส่วนของแฟรนไชส์ที่ 40% และอีก 60% เป็นการลงทุนเองปีละ 1,000 ล้านบาท จากที่สิ้นปีนี้สัดส่วนแฟรนไชส์อยู่ที่ 30% และลงทุนเอง 70%
ส่วนแผนงานในอีก 4-5 ปีหลังจากนี้กาแฟพันธุ์ไทยตั้งเป้าขยายสาขาไปที่ระดับ 4,000-5,000 สาขาต่อไป พร้อมด้วยกลยุทธ์ในการสร้างสีสันทางการตลาดและเอาใจผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ
ด้วยการออกเมนูรสชาติใหม่ๆ ทั้ง Coffee และ Non-Coffee ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ได้ดื่มกาแฟนอกบ้านอย่างเดียวอีกต่อไป
สืบเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโควิด-19 ที่มักใช้ชีวิตและเคยชินกับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่บ้าน รวมถึงนิยมสัมผัสประสบการณ์การดื่มและชงกาแฟดื่มเองในบ้านด้วยเมล็ดกาแฟที่ตนชื่นชอบ
ส่งผลให้เซกเมนท์กาแฟในบ้าน หรือ Home Coffee เติบโตไม่แพ้กาแฟนอกบ้านถึง 12% และยังมีโอกาสเติบโตต่อไปอีกมาก กาแฟพันธุ์ไทยมองเห็นโอกาสจึงขยายไลน์สินค้าและเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์ในตลาด Home Coffee มาโดยตลอด
ทั้งกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ กาแฟพิเศษ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ลูกค้าได้ลิ้มลองทั้งเมนู นัตตี้ สเปเชียล เบลนด์ กาแฟคั่วกลาง กลิ่นและรสชาติออกแนวดาร์คโกโก้มีความเป็นช็อกโกแลต ปนอัลมอนด์ปลายๆ
และ ฟรุตตี้ สเปเชียล เบลนด์ ให้ความเปรี้ยวสดชื่นของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ออกหวานปลายๆ กลิ่นหอมละมุน โดยกาแฟพันธุ์ไทย สเปเชียล เบลนด์ นี้ได้นำร่องให้บริการใน 80 สาขา
และต่อเนื่องมาถึงการเปิดตัว "9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย" ในวันนี้พร้อมทั้งยังต่อยอดขยายตลาด Home Coffee ในรูปแบบกาแฟพรีเมียมอื่นๆ ต่อไป” นายพิทักษ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความยั่งยืนเป็นสิ่งที่กาแฟพันธุ์ไทยให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข”
โดยบริษัทมุ่งมั่นส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศ ผ่านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าให้กับวัตถุดิบท้องถิ่น สร้างงาน สร้างอาชีพแก่เกษตรกรพี่น้องชาวไทย คืนกำไรกลับสู่ชุมชน รวมถึงยกระดับ Ecosystem ในทุกภาคส่วนของธุรกิจกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น กาแฟพันธุ์ไทยยังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าบนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน
ส่งเสริมให้เกษตรกรท้องถิ่นปรับเปลี่ยนการทำไร่เลื่อนลอย มาเพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟ ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนเขาหัวโล้นให้เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกดีขึ้น
คุณสุขวสา ภูชัชวนิชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และเมนูเครื่องดื่มจากวัตถุดิบท้องถิ่นหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูเครื่องดื่มจากน้ำนมข้าวโพดไร่สุวรรณ น้ำตาลโตนด จังหวัดสงขลา ส้มมะปี๊ด ผลไม้ประจำท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี
สตรอเบอร์รี่ที่ปลูกในดอยสูง จังหวัดเชียงใหม่ มะม่วงเบาพันธุ์ใต้แท้ จังหวัดสงขลา และล่าสุดจากเมล็ดกาแฟของเกษตรกรชาวไทยที่คัดสรรจากแหล่งกำเนิดคุณภาพทั่วประเทศกับผลิตภัณฑ์ใหม่ "กาแฟดริปพันธุ์ไทย" มุ่งปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนลงบนผืนแผ่นดินไทย
"9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย" เป็นความตั้งใจที่ต้องการรวบรวมและนำเสนอกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดจากแหล่งกำเนิดกาแฟคุณภาพทั่วประเทศ มาให้กับผู้บริโภคได้มีโอกาสดื่มด่ำกับกาแฟไทยระดับพรีเมียม
โดยกาแฟทั้ง 9 รสชาติถูกรังสรรค์จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ผ่านขั้นตอนที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลรักษาจนได้ต้นกาแฟที่มีผลเชอร์รี่สุกให้เก็บเกี่ยว การคัดเลือกสารกาแฟ การคั่วหาโปรไฟล์ที่ดีที่สุด Cupping กันหลายต่อหลายครั้ง
รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ด้วยภาพวาดลายเส้นสีน้ำที่งดงามและดีต่อโลก เพราะเราใช้กระดาษรีไซเคิล 70% สามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้คอกาแฟได้ลิ้มรสมนต์เสน่ห์ของกาแฟไทยจากเกษตรชาวไทยง่ายๆ ที่บ้าน นอกจากนี้เรายังพัฒนาแก้วเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้วัสดุที่ผลิตจากไบโอพลาสติก (Bioplastic หรือ Bio-Based Plastic)
สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ด้วยส่วนประกอบของมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนผลผลิตจากชุมชนและสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย เพื่อให้เครื่องดื่มทุกแก้วของพันธุ์ไทยปลอดภัย ดีต่อโลกและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน
“สำหรับกิจกรรมในการสร้างสีสันในแคมเปญนี้ พันธุ์ไทยเลือกจัดงาน “PUNTHAI Coffee dripping in the park” ในย่าน CBD ใจกลางเมืองสีลม เพื่อเจาะกลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบกาแฟพรีเมียมได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มการมองเห็น สร้างการรับรู้ เพื่อเข้าถึงและขยายฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น
อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ ชมแกลลอรีเส้นทางการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืน ดื่มด่ำกับกาแฟดริปพร้อมฟังดนตรีอะคูสติกในสวน ชมการสาธิตวาดรูปด้วยสีน้ำจากกาแฟ จากอาจารย์ทศพร จันทรสุข ศิลปินมือรางวัลสีน้ำชื่อดัง
งานเสวนาของนักสร้างสรรค์กาแฟทั้ง 5 ท่าน ฮีลใจผ่านเสียงธรรมชาติ ASMR ที่เป็นเอกลักษณ์จาก 9 ดอยที่จะพาคุณไปพบกับเรื่องราวของ 9 กาแฟดริปชั้นดี
ทุกความตั้งใจของพันธุ์ไทยในคอลเลคชันนี้ จึงไม่ได้พิเศษเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ แต่ยังสามารถส่งต่อความยั่งยืนให้สิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้คนและส่งต่อความยั่งยืนสู่สังคมต่อไป” คุณสุขวสา กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
สำหรับผู้ที่สนใจคอลเลกชัน "9 กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย" ที่นอกจากจะได้สนับสนุนชุมชนและเกษตรกรไทย ยังสามารถนำไปมอบเป็นของขวัญแด่คนที่คุณรักในเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ มีให้เลือกซื้อหรือสะสมทั้งหมด 2 แบบ
- กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย พรีเมียมเซต (Punthai Drip Coffee Premium Set) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ พร้อมกาดริปและแก้วกาแฟ ราคา 1,899 บาท วางจำหน่ายที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 - 31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
- กาแฟดริปรักษ์โลกพันธุ์ไทย(Punthai Drip Coffee Box) บรรจุกาแฟดริป 9 ซอง จาก 9 นักสร้างสรรค์กาแฟ ราคา 325 บาท ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566-31 มกราคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- Facebook: https://www.facebook.com/punthaicoffee
- Instagram: https://www.instagram.com/punthaicoffee_official
- TikTok: https://www.tiktok.com/@punthai_coffee_official
- You tube: https://www.youtube.com/@punthaicoffeeofficial3386
- Website: https://www.punthaicoffee.com
20 พฤศจิกายน 2566
ผู้ชม 126 ครั้ง