SCB WEALTHชี้ช่องตลาดผันผวนแนะหาจังหวะลงทุน RMF-SSF
SCB WEALTHชี้ช่องตลาดผันผวนแนะหาจังหวะลงทุน RMF-SSF
SCB WEALTHชี้ช่องตลาดผันผวนแนะหาจังหวะลงทุน RMF-SSF
คัดสรร 4 ธีมเด่นครอบคลุมทุกสินทรัพย์เพิ่มโอกาสมั่งคั่งระยะยาว
SCB WEALTH แนะภาวะตลาดลงทุนมีความผันผวน หาจังหวะลงทุน RMF และSSF พร้อมคัดสรร 4 ธีมลงทุนให้เลือก เพิ่มความสะดวกก่อนตัดสินใจลงทุน ครอบคลุมทุกสินทรัพย์
ได้แก่ ธีม Save Zone , Global Investment ,Trend Seeker และ Top Seller รวมทั้งบริการพิเศษ EASY Tax Planning Advisory ผ่าน SCB Connect ตัวช่วยในการคำนวณภาษี พร้อมแนะนำกองทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และเป้าหมายการลงทุนของแต่ละบุคคล
นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA SCB Wealth Chief Investment Officer ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย Investment Office and Product Function กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดการลงทุนปีนี้ แม้จะเต็มไปด้วยปัจจัยที่ท้าทายมากมาย ทั้งภาวะดอกเบี้ยที่คงอยู่ในระดับสูง สงครามอิสราเอลที่ยืดเยื้อ และอาจขยายวงกว้างได้
ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะสั้น แต่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวโดยเฉพาะหุ้นไทย ที่ปรับตัวลดลงนับจากต้นปี 2566 ( YTD ) ประมาณ 15.19% (ณ วันที่ 15 พ.ย. 2566) นับว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF
โดย SCB WEALTH ได้จัดธีมการลงทุนให้นักลงทุนได้เลือก 4 แบบ ตามความเสี่ยงที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละราย แบ่งเป็น ธีมที่ 1) Save Zone ธีมที่ 2) Global Investment ธีมที่ 3) Trend Seeker และธีมที่4) Top Seller โดยแต่ละธีมมีความแตกต่างกันดังนี้
ธีมที่ 1 Save Zone เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนอย่างระมัดระวัง เน้นลดความเสี่ยง เลี่ยงความผันผวน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งในธีมนี้จะประกอบไปด้วยกองทุน SCBRM1 และ SCBSFFPLUS-SSF
ธีมที่ 2 Global Investment เหมาะสำหรับ ผู้ลงทุนที่มองหาการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ได้แก่ กองทุน SCBRMASHARES(A) และ SCBASHARES(SSF) ที่ลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ด้วยสไตล์การลงทุนเชิงรุก
และกองทุน SCBRMS50 ลงทุนในหุ้นไทย เน้นสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี SET50 และ SCBDV-SSF ลงทุนในหุ้นไทยที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
ธีมที่ 3 Trend Seeker เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มองเห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาวของธุรกิจที่เกาะกระแสโลกอนาคต ได้แก่ กองทุน SCBRMNDQ(A) และ SCBNDQ(SSF) ที่ลงทุนในหุ้น Nasdaq ซึ่งรวมหุ้นเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมและศักยภาพสูง
กองทุน SCBRMGHC เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลกในกลุ่ม Healthcare ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และ กองทุน SCBEV(SSF) ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนอนาคต
ส่วนธีมที่ 4 Top Seller เป็นกองทุนที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่ซื้อกองทุนรวมผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ ได้แก่ กองทุน SCBRM4 ลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี สภาพคล่องสูง
และกองทุน SCBLT1-SSF ลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 แต่ไม่เกินร้อยละ 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถใช้บริการพิเศษ EASY Tax Planning Advisory ผ่าน SCB Connect เพื่อคำนวณภาษี และวางแผนประหยัดภาษี รวมทั้งมีคำแนะนำตัวเลือกสำหรับการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และผลตอบแทนตามเป้าหมายของแต่ละท่านได้
สำหรับเงื่อนไขการลงทุน RMF ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอื่นๆ ได้แก่ กองทุนSSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกันชีวิตแบบบำนาญ
กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ โดยต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี แต่เว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน ไม่ขายคืนหน่วยลงทุนจนกว่าจะมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม ลงทุนปีไหนได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปีนั้น
ส่วนกองทุน SSF ซื้อได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และ ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับ กองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกันชีวิตแบบบำนาญ
กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท ไม่มียอดซื้อขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องทุกปี แต่ต้องถือครอง 10 ปี นับจากวันซื้อ (แบบวันชนวัน)
20 พฤศจิกายน 2566
ผู้ชม 127 ครั้ง