สถิติ

71305859

"SENA" เดินเกมรุก H1/66 โกยรายได้ 3,840 ลบ. เติบโต 92%    

   "SENA" เดินเกมรุก H1/66 โกยรายได้ 3,840 ลบ. เติบโต 92%                                      

   โชว์แบ็คล็อค 6,879 ลบ. ลุยพอร์ตธุรกิจใหม่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

                                             

   “SENA” โชว์ความแข็งแกร่งทางธุรกิจ 6 เดือนโกยรายได้ 3,840 ล้านบาท เติบโต 92% จัดทัพโครงสร้างทางการเงิน พร้อมขยายพอร์ตในธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด “THE ESSENTIAL LIFELONG TRUSTED PARTNER” ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยทุกช่วงวัย

   ด้วยบริการแบบครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านธุรกิจบริการ การเงิน สุขภาพ และพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โชว์ Backlog ยังเต็มกระเป๋า มูลค่า 6,879  ล้านบาท

   รอรับรู้รายได้ต่อเนื่องอีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่เฟล็กซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เสนาคิทท์ เวสต์เกต-บางบัวทอง เฟส 2 เสนาคิทท์ บีทีเอส สะพานใหม่ และเสนาคิทท์ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง

   นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้อำนวยการฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทเสนา และบริษัทย่อย ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 3,840 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,000 ล้านบาท

   โดยแบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน 1,111 ล้านบาท และรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของโครงการร่วมทุน 2,729 ล้านบาท

   ในส่วนของยอดขาย (Presale) 6 เดือน อยู่ที่ 5,383 ล้านบาท โดยประกอบด้วยยอดขายอสังหาริมทรัพย์จากโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน 1,352 ล้านบาท และยอดขายอสังหาริมทรัพย์จากโครงการร่วมทุน 3,521 ล้านบาท

   บริษัทมีรายได้รวม 4,427 ล้านบาท (อ้างอิงหมายเหตุประกอบงบการเงิน) ประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,840 ล้านบาท ธุรกิจเช่าและบริการ 307 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโซลาร์ 280 ล้านบาท ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น ร้อยละ 35

   และมีความสามารถในการทำกำไรสุทธิร้อยละ 9.5 ซึ่งคิดเป็นกำไรสุทธิงวด 6 เดือน เท่ากับ 239 ล้านบาท ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

   เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากในงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อบริษัท SENX และมีการปรับสัญญาว่าจ้างบริหารโครงการและรับรู้รายการขายทรัพย์สินของบริษัทย่อย

   คณะกรรมการบริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงให้สอดรับกับสถานการณ์ การเงินและภาวะดอกเบี้ยของโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ตลาดทุนในปัจจุบัน

   เพื่อให้บริษัทมีความเข้มแข็งของกระแสเงินสดเพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวจึงมีมติงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปี 2566 และจะดำเนินการพิจารณาเรื่องการจ่ายปันผลอีกครั้งในรอบสิ้นปี 2566

   อย่างไรก้อตามบริษัทยังมีสถานะความเข้มแข็งของยอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ยังคงเติบโต ทั้งของบริษัทและบริษัทย่อยคิดเป็นมูลค่า 6,879 ล้านบาท

   แบ่งเป็นโครงการที่ไม่ได้ร่วมทุน ประมาณ 868 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 6,010 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งปีหลัง จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย 1. เฟล็กซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ 2.เสนาคิทท์ เวสต์เกต-บางบัวทอง 2

   3. เสนาคิทท์ บีทีเอส สะพานใหม่ 4. เสนาคิทท์ รัตนาธิเบศร์–บางบัวทอง ส่งผลให้บริษัทมีสินค้าคงเหลือสะสมรวมทั้งสิ้น 27,224 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าและรายได้ในอนาคต

   อีกทั้งแผนขยายธุรกิจใหม่ที่พัฒนาให้ครอบคลุมการดูแลผู้บริโภค ทั้งในด้านธุรกิจบริการบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการสินเชื่อ ธุรกิจด้านการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับตลาด E-COMMERCE ในอนาคต ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจคลังสินค้า และโลจิสติกส์ 

   รวมถึงธุรกิจด้านพลังงานสะอาดและธุรกิจปลูกป่า ถือว่าเป็นแนวทางและกลยุทธ์เชิงรุกของกลุ่มเสนา ที่จะเป็นมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาฯ ภายใต้ แนวคิด “THE ESSENTIAL LIFTLONG TRUSTED PARTNER”

   ในครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจภายใต้แนวคิด Made Form Her “คิดละเอียดกว่า ก็อยู่สบายกว่า” โดยมุ่งเน้นการดูแลคุณภาพชีวิตของลูกค้าในทุกช่วงอายุ และมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโต ด้วย 2 กลยุทธ์หลัก 

   1. Convenient Living ใส่ใจเรื่องความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้สอยภายในบ้านและคอนโดมิเนียม 2. Sustainable Living ใส่ใจเรื่องการใช้ชีวิตให้ยั่งยืนพร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อม โดยนำแนวคิด SMART CITY มาใช้พัฒนา Feature ต่างๆ ในโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านใช้ชีวิตแบบลดคาร์บอนได้ง่ายๆ ได้ทุกวัน

   โดยพัฒนาออกมาเป็นโครงการแนวราบ ภายใต้แนวคิด “บ้านพลังงานเป็น 0” หรือ Zero Energy House (ZEH) ที่ต่อยอดมาจาก Hankyu Hanshin Properties Crop. (HHP) บริษัทวิจัยพัฒนาสินค้าร่วมกับ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chula Unisearch)

   เพื่อออกแบบเป็นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนไทย จากงานวิจัยพบว่าแนวคิดบ้านพลังงานเป็น 0 สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 38%

   นอกจากนี้ในส่วนของแนวสูง ก็มีการนำใช้แนวคิดของ SMART CITY มาใช้พัฒนาเพื่อให้เกิดเป็น “คอนโด Low-Carbon” เพื่อสร้างไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและมีความสุขอย่างยั่งยืน โดยเริ่มพัฒนาสินค้าและเปิดขายตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีนี้เป็นต้นไป

17 สิงหาคม 2566

ผู้ชม 108 ครั้ง

Engine by shopup.com